องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุในวันพุธ (24 พ.ย.) ว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้นช่วยลดการแพร่กระจาย (transmission) ของเชื้อสายพันธุ์เดลตาได้เพียง 40% พร้อมเตือนประชาชนการ์ดห้ามตกแม้จะฉีดวัคซีนแล้วก็ตาม
ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการ WHO ระบุว่า คนจำนวนมากยังมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนว่าเมื่อฉีดวัคซีนครบแล้วก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ โดยไม่จำเป็นต้องป้องกันตัวเอง ทว่าในความเป็นจริงแม้แต่คนที่ฉีดวัคซีนครบก็ยังต้องคงมาตรการเว้นระยะห่าง รักษาสุขอนามัย เพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองติดเชื้อหรือแพร่เชื้อไปสู่บุคคลอื่น
“เรามีความกังวลเมื่อเห็นว่าผู้คนเริ่มชะล่าใจ คิดว่าวัคซีนทำให้โรคระบาดใหญ่หมดไปแล้ว และหากฉีดวัคซีนครบก็ไม่จำเป็นต้องระมัดระวังตัวอีก” ทีโดรส ให้สัมภาษณ์
“อันที่จริงวัคซีนเพียงช่วยป้องกันการเสียชีวิต แต่ไม่สามารถยับยั้งการแพร่เชื้อได้ 100%”
“วัคซีนเคยลดการแพร่กระจายของโควิด-19 ได้ประมาณ 60% แต่หลังจากที่มีสายพันธุ์เดลตาเกิดขึ้น การป้องกันลดเหลือแค่ 40%”
ด้วยความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อที่รวดเร็วกว่าสายพันธุ์อื่นๆ ทำให้เดลตากลายมาเป็นสายพันธุ์หลักของโควิด-19 ที่ระบาดอยู่ทั่วโลกในเวลานี้
“ถ้าคุณฉีดวัคซีนครบ โอกาสที่จะป่วยหนักหรือเสียชีวิตในกรณีติดเชื้อก็ลดลงมาก แต่คุณยังสามารถรับเชื้อ และแพร่มันไปสู่คนรอบข้างได้” ทีโดรส กล่าว
“ดังนั้นจึงขอเตือนให้ชัดๆ ตรงนี้ว่า ต่อให้คุณฉีดวัคซีนครบแล้วก็ยังต้องระวังตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ หรือนำเชื้อไปติดคนอื่น ซึ่งเขาอาจจะเสียชีวิตก็ได้”
ผอ.WHO เอ่ยย้ำความสำคัญของการสวมหน้ากาก, เว้นระยะห่าง, หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน รวมถึงเลือกพบปะกันกลางแจ้งหรือเฉพาะในอาคารที่อากาศหมุนเวียนถ่ายเทได้ดี
ที่มา: เอเอฟพี