รัฐบาลออสเตรเลียอาจต้องจ่ายเงินชดเชยอย่างน้อย 50 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย(ราว 1,200 ล้านบาท) เกี่ยวข้องกับโครงการวัคซีนโควิด-19 ของประเทศ หลังมีประชาชนนับหมื่นคนลงทะเบียนขอรับเงินชดเชย สืบเนื่องจากปัญหาทางสุขภาพอันสัมพันธ์กับการฉีดวัคซีน ตามรายงานของซิดนีย์ มอร์นิง เฮรัลด์ เมื่อวันอังคาร(16พ.ย.)
มีประชาชนมากกว่า 10,000 คนที่ลงทะเบียนในโปรแกรมหนึ่งของรัฐบาล สำหรับการจ่ายเงินชดเชยจากการสูญเสียรายได้ หลังเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล สืบเนื่องจากผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และด้วยเงินชดเชยเริ่มตั้งแต่ 5,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย(ราว 120,000บาท) ขึ้นไป นั่นหมายความว่าโครงการนี้จะต้องใช้เงินอย่างน้อย 50 ดอลลาร์ล้านออสเตรเลีย หากแต่ละคำร้องได้รับการอนุมัติ
หน่วยงานกำกับดูแลสินค้าสุขภาพ (Therapeutic Goods Administration: TGA) ของออสเตรเลีย เปิดเผยผ่านเว็บไซต์ว่า ได้รับรายงานเกี่ยวกับผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์เกือบ 79,000 รายการจากการฉีดวัคซีนทั้งหมด 3.68 ล้านโดส โดยอาการข้างเคียงที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่ เจ็บแขน ปวดหัว มีไข้ และหนาวสั่น
ขณะเดียวกันในจำนวนที่ทางหน่วยงานกำกับดูแลสินค้าสุขภาพได้รับรายงาน มีอยู่ 288 รายที่มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นอาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบที่เชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนของไฟเซอร์ และอีก 160 รายเป็นอาการลิ่มเลือดอุดตันซึ่งเชื่อมโยงกับการฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้า
จากข้อมูลของ TGA พบด้วยว่ามีผู้เสียชีวิต 9 รายที่เกี่ยวข้องกับโครงการฉีดวัคซีน ส่วนใหญ่แล้วเป็นบุคคลอายุ 65 ปีขึ้นไป
ชาวออสเตรเลียประมาณ 17.9 ล้านคนหรือคิดเป็น 69.6% ของประชากรทั้งหมดได้รับวัคซีนครบเข็มแล้ว
หลังจากประสบปัญหาในช่วงต้น ออสเตรเลียสามารถยกระดับความรวดเร็วในโครงการฉีดวัคซีนในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ ในขณะที่ตัวกลายพันธุ์เดลตาเข้าเล่นงาน 2 เมืองใหญ่ที่สุดอย่าง ซิดนีย์และเมลเบิร์น จนต้องล็อกดาวน์นานหลายเดือน แต่ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ข้อจำกัดต่างๆค่อยได้รับการผ่อนปรนตามลำดับ ท่ามกลางอัตราการฉีดวัคซีนที่เพิ่มขึ้น
(ที่มา:บลูมเบิร์ก)
