รัฐบาลออสเตรเลียเตรียมคลายกฎให้พลเมืองที่ฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสเดินทางไปต่างประเทศได้โดยไม่ต้องขออนุญาตเป็นกรณีพิเศษตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.เป็นต้นไป และมีแผนที่จะเปิดประเทศรับแรงงานทักษะสูง และกลุ่มนักศึกษาต่างชาติในช่วงปลายปีนี้
เป็นเวลานานกว่า 18 เดือนแล้วที่คนออสเตรเลียไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้อย่างอิสระ ส่วนผู้มีถิ่นพำนักซึ่งฉีดวัคซีนครบแล้วแต่อาศัยอยู่ในต่างแดนก็ไม่สามารถกลับไปยังแดนจิงโจ้ได้ เนื่องจากรัฐบาลมีมาตรการจำกัดผู้เดินทางขาเข้าเพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19
คนกลุ่มหลังนี้คาดว่าจะทยอยเดินทางกลับเข้าไปยังออสเตรเลียมากขึ้นหลังจากนครซิดนีย์ และเมลเบิร์นยกเลิกคำสั่งกักตัวผู้เดินทางที่ฉีดวัคซีนครบในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ขณะที่เมืองอื่นๆ ของออสเตรเลียซึ่งยอดผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงเกือบเป็นศูนย์ก็มีแนวโน้มที่จะคลายกฎเช่นกัน หากสามารถฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่
“แผนระดับชาติของเราได้ผลดี ออสเตรเลียกำลังก้าวไปสู่การเปิดประเทศ และนั่นเป็นเพราะเราฉีดวัคซีนได้ครอบคลุมประชากรจำนวนมากแล้ว” นายกรัฐมนตรีสก็อตต์ มอร์ริสัน ให้สัมภาษณ์กับ Seven News ในวันนี้ (27)
ขณะเดียวกัน สำนักงานกำกับดูแลผลิตภัณฑ์สุขภาพแห่งออสเตรเลีย (Therapeutic Goods Administration - TGA) ได้อนุมัติฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของไฟเซอร์ อิงค์ เป็นเข็มกระตุ้นในกลุ่มประชากรที่อายุเกิน 18 ปีขึ้นไป หลังอัตราการฉีดวัคซีนเข็มแรกในประชากรที่อายุเกิน 16 ปีครอบคลุมเกือบ 90% แล้ว
เกร็ก ฮันต์ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย ระบุว่า การฉีดวัคซีนกระตุ้นเข็มที่ 3 คาดว่าจะเริ่มได้ในราวๆ วันที่ 8 พ.ย. หลังจากรัฐบาลได้รับคำแนะนำจากคณะทำงานด้านวัคซีน
การยกเลิกข้อจำกัดเดินทางสำหรับพลเมืองออสเตรเลียมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลสิงคโปร์ประกาศเมื่อวานนี้ (26) ว่าจะเริ่มเปิดรับผู้เดินทางจากแดนจิงโจ้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสโดยไม่ต้องมีการกักตัวหลังวันที่ 8 พ.ย.เป็นต้นไป
แม้จะเผชิญการแพร่ระบาดของเชื้อสายพันธุ์เดลตา ทว่า ออสเตรเลียยังถือว่าควบคุมสถานการณ์โควิด-19 ได้ดีกว่าอีกหลายประเทศ โดยจนถึงขณะนี้มียอดผู้ติดเชื้อสะสมเพียงราวๆ 164,000 คน และมีผู้เสียชีวิตเพียง 1,669 คน
ที่มา : รอยเตอร์