บางทีประชาชนอาจจำเป็นต้องแสดงผลตรวจโควิด-19เป็นลบ เอกสารพิสูจน์ว่าผ่านการฉีดวัคซีนแล้วหรือเพิ่งหายป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ยามใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะในเยอรมนี ในขณะที่ดินแดนแห่งนี้กลายเป็นประเทศล่าสุดในยุโรปที่กำลังพิจารณาใช้มาตรการเข้มงวดจัดการกับการแพร่ระบาดระลอกใหม่
ในวันจันทร์(15พ.ย.) เยอรมนีรายงานมีอัตราผู้ติดเชื้อทุบสถิติสูงสุดรอบใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางการรวมตัวกันในร่มมากขึ้น สืบเนื่องจากสภาพอากาศหนาวและโครงการฉีดวัคซีนอันซบเซา ที่เปลี่ยนยุโรปกลับมาเป็นศูนย์กลางของโรคระบาดใหญ่อีกครั้้ง
การแพร่ระบาดระลอก 2 กำลังท้าทายรัฐบาลที่อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของเยอรมนี โดย 3 พรรคการเมืองกำลังเจรจาต่อรองจัดตั้งคณะรัฐบาลชุดใหม่ ตามหลังการเลือกตั้งที่ไม่ได้จุดลงเอยเมื่อเดือนกันยายน
ทั้ง 3 พรรค ซึ่งประกอบไปด้วยพรรคโซเชียล เดโมแครตส์ พรรคกรีนส์และพรรค FDP เปิดเผยในวันจันทร์(15พ.ย.) ว่าพวกเขาจะเพิ่มเติมมาตรการต่างๆที่เข้มงวดกว่าเดิม เข้าไปร่างกฎหมายที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของสภา Bundestag (สภาผู้แทนราษฏร) เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาด
ในเอกสารนโยบายของทั้ง 3 พรรค ระบุว่ากฎระเบียบที่เรียกว่า 3G ซึ่งบังคับแสดงผลตรวจโควิด-19 เป็นลบ หรือแสดงว่าหายป่วยจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หรือฉีดวัคซีนแล้ว ควรนำมาใช้กับระบบขนส่งสาธารณะ เช่นเดียวกับสถานที่ทำงาน อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามาตรการเหล่านี้จะบังคับใช้อย่างไร
"เพื่อหยุดการแพร่ระบาดระลอก 4 อย่างรวดเร็วและเต็มกำลัง เราเห็นพ้องกันว่าต้องมีกฎระเบียบต่างๆเพิ่มเติม" แคทริน เกอริง เอคคาร์ดท์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรระดับอาวุโสของพรรคกรีนส์เขียนบนทวิตเตอร์
อย่างไรก็ตามเธอบอกกับพวกผู้สื่อข่าวในเวลาต่อมา ว่ายังไม่บรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการบังคับฉีดวัคซีนในบางภาคส่วน อาทิเช่นบ้านพักคนชรา ตอกย้ำให้เห็นถึงความแตกแยกในว่าที่รัฐบาลระหว่างพรรคของเธอกับพรรคโซเชียล เดโมแครตส์ รวมถึงกับพรรค FDP ด้วย
ข้อเสนอสำหรับกำหนดข้อจำกัดใหม่ในเยอรมนี มีขึ้นในขณะที่รัฐบาลออสเตรียในวันจันทร์(15พ.ย.) กำหนดมาตรการล็อกดาวน์ประชาชนที่ยังไม่ฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ขณะเดียวกันประเทศยุโรปอื่นๆบางชาติก็บังคับผู้โดยสารแสดงข้อพิสูจน์ผ่านการฉีดวัคซีนแล้วหรือมีผลตรวจเป็นลบ สำหรับการเดินทางระยะไกลด้วยระบบขนส่งสาธารณะ แต่ไม่เป็นที่ชัดเจนว่ามีประเทศไหนหรือไม่ที่บังคับใช้มาตรการนี้กับระบบขนส่งสาธารณะในเมือง
สภา Bundestag มีกำหนดลงมติในวันพฤหัสบดี(18พ.ย.) สำหรับร่างกฎหมายนี้ เพื่อให้มันมีผลบังคับใช้ก่อนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของเยอรมนีหมดอายุลงในวัน 25 พฤศจิกายน ทั้งนี้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มอบพื้นฐานทางกฎหมายสำหรับมาตรการต่างๆสกัดโรคระบาดใหญ่ก่อนหน้านี้
นอกเหนือจากกฎระเบียบระดับชาติแล้ว กฎหมายใหม่ยังมีเป้าหมายมอบคู่มือทางเลือกต่างๆแก่ทั้ง 16 รัฐของเยอรมนี เพื่อให้แต่ละรัฐนำไปใช้ตามแต่เห็นสมควร ตามอัตราการติดเชื้อที่แตกต่างกันค่อนข้างมากทั่วประเทศ โดยภูมิภาคที่มีอัตราการฉีดวัคซีนระดับต่ำ ทั้งทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของเยอรมนี ส่วนใหญ่แล้วมักพบผู้ติดเชื้อในระดับสูง
อย่างไรก็ตามร่างกฎหมายใหม่ไม่มีมาตรการต่างๆอย่างเช่นล็อกดาวน์โรงเรียนหรือประกาศเคอร์ฟิว ที่เคยใช้ระหว่างการแพร่ระบาดระลอกที่ผ่านๆมา กระตุ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากสมาชิกรัฐสภาบางส่วน
อัตราการฉีดวัคซีนของเยอรมนีอยู่ที่ 67% เป็นหนึ่งในชาติที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำที่สุดในยุโรปตะวันตก
เวลานี้เยอรมนีมีอันตราการเสียชีวิตจากโควิด-19 ราวๆ 1,164 คนต่อประชากร 1 ล้านคน น้อยกว่าค่าเฉลี่ยของสหภาพยุโรป ซึ่งอยู่ที่ 1,828 รายต่อประชากร 1 ล้านคน
(ที่มา:รอยเตอร์)