รัฐบาลออสเตรียเตรียมใช้มาตรการล็อกดาวน์ประชากรที่ยังไม่ฉีดวัคซีนหรือฉีดยังไม่ครบ หลังยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันพุ่งสูงเป็นสถิติใหม่
นายกรัฐมนตรีอเล็กซานเดอร์ ชาลเลนเบิร์ก แถลงเมื่อวันศุกร์ (12 พ.ย.) ว่า “เรามีเป้าหมายชัดเจน ในวันอาทิตย์นี้ (14) เราจะตัดสินใจเรื่องการล็อกดาวน์คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน”
“จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ผมเชื่อว่าไม่ควรรออีกต่อไป เราจะต้องเริ่มกันเดี๋ยวนี้ และผมหวังว่าในวันอาทิตย์ (14) เราจะสามารถสั่งล็อกดาวน์คนที่ไม่ฉีดวัคซีนในทั้ง 9 รัฐทั่วประเทศ”
ผู้นำออสเตรียไม่ได้กล่าวชัดเจนว่าคำสั่งล็อกดาวน์ทั่วประเทศจะมีผลเมื่อไหร่ แต่สำหรับรัฐอัปเปอร์ออสเตรีย (Upper Austria) และรัฐซาลซ์บูร์ก (Salzburg) ซึ่งเป็น 2 รัฐที่มีรายงานผู้ติดเชื้อสูงสุด จะเริ่มใช้มาตรการดังกล่าวตั้งแต่วันจันทร์ (15)
เวลานี้มีประชากรออสเตรียเพียง 65% ที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดส ซึ่งถือว่าต่ำสุดในภูมิภาคยุโรปตะวันตก
ชาวออสเตรียจำนวนมากยังคงกังวลและไม่กล้าไปฉีดวัคซีน ซึ่งทัศนคติแบบนี้ได้รับการสนับสนุนจากพรรคขวาจัด Freedom Party ซึ่งเป็นพรรคใหญ่อันดับ 3 ในสภา
ชาลเลนเบิร์ก เตือนเมื่อวันพฤหัสบดี (11) ว่า คนที่ไม่ฉีดวัคซีนจะต้องเผชิญข้อจำกัดในการใช้ชีวิตประจำวันไม่ต่างจากช่วงที่ออสเตรียล็อกดาวน์ 3 เดือนเมื่อปีที่แล้ว ในขณะที่ผู้ฉีดวัคซีนจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ
ขณะเดียวกัน เยอรมนีซึ่งเป็นแหล่งที่มาของนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดในออสเตรีย เตรียมจัดให้ออสเตรียเป็นภูมิภาค “เสี่ยงสูง” ซึ่งจะทำให้ผู้ที่เดินทางจากออสเตรียเข้าเยอรมนีต้องผ่านกระบวนการกักตัว
ตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่มีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นทั่วยุโรปหลังจากที่สภาพอากาศเริ่มหนาวเย็นลง
เนเธอร์แลนด์เป็นอีกประเทศที่สั่งฟื้นมาตรการคุมเข้มโควิด-19 โดยเตรียมที่จะใช้มาตรการกึ่งล็อกดาวน์เป็นเวลา 3 สัปดาห์
ที่มา : รอยเตอร์