คณะแพทย์ในบราซิล ถึงกับงงงวย หลังทารกรายหนึ่งลืมตาดูโลกพร้อมกับหางประหลาดยาว 12 เซนติเมตร โผล่บริเวณก้น โดยมีก้อนเนื้อกลมๆอยู่ตรงส่วนปลาย
เท่าที่มีการบันทึกมา ทารกรายนี้ซึ่งเกิดที่โรงพยาบาลเด็ก "อัลเบิร์ต ซาบิน" ในเมืองฟอร์ตาเลซา ประเทศบราซิล เป็นเพียง 1 ในทารก 40 คนที่ลืมตาดูโลกมาพร้อมหางมนุษย์จริงๆ
อวัยวะส่วนเกินนี้เพิ่งถูกพบเห็นหลังจากหนูน้อยลืมตาดูโลก และเวลานี้ทางคณะแพทย์ได้ทำการผ่าตัดเอาหางและก้อนเนื้อกลมๆออกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
นับตั้งแต่นั้นการเกิดของทารกรายนี้และการผ่าตัดที่ตามมา ได้ถูกเผยแพร่ในรายงานวารสารด้านกุมารศัลยศาสตร์ ( Journal of Pediatric Surgery Case Reports) ซึ่งให้คำอธิบายว่าความพิการแต่กำเนิดลักษณะนี้เกิดขึ้นยากมากแค่ไหน
เชื่อกันว่ามนุษย์ทุกคนเคยมีหางตอนที่อยู่ในครรภ์มารดาในช่วงสัปดาห์แรกๆ แต่เป็นเรื่องปกติที่มันจะถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายไม่กี่สัปดาห์หลังการตั้งครรภ์
คณะแพทย์บอกว่าเคสนี้เป็นหนึ่งในกรณีตัวอย่างที่อันน่าทึ่งที่เกิดขึ้นน้อยมากๆ หางของทารกยังคงงอกยาวออกมาเรื่อยๆไม่หดกลับเข้าไป
รายงานของวารสารฉบับนี้ระบุต่อไปว่า กรณีว่า มนุษย์เกิดมาพร้อมหางนั้น มีบันทึกย้อนหลังได้ถึงช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ยอมรับว่าเหตุใดหางของเซลล์ตัวอ่อนจึงไม่ถูกดูดกลับเข้าไปในร่างกาย ยังไม่เป็นที่เข้าใจอย่างถ่องแท้
เชื่อกันว่ามันเกิดจากการอักเสบของเอ็น(60%) เนื้องอกของเซลล์ไขมัน(30%) และกระดูกสันหลังและเส้นประสาทไขสันหลัง (26%) ซึ่งโดยส่วนใหญ่มีรายงานว่าอวัยวะส่วนหางสัมพันธ์กับความผิดปกติตั้งแต่กำเนิดที่กระดูกสันหลังหรือโรคสไปนาไบฟิดา
การวิเคราะห์หางของเด็กหลังการผ่าตัด เผยให้เห็นว่าก้อนเนื้อทรงกลมขนาดกว้าง 4 เซนติเมตร ก่อตัวจากไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพันตัวอ่อน(embryonic connective tissue) ซึ่งทำให้หางเป็นเพียงแค่เนื้อเยื่อไร้กระดูก
ทารกแรกเกิดเพศชายคลอดก่อนกำหนดตอนอายุครรภ์ 35 สัปดาห์เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยไม่พบอาการแทรกซ้อนใด ๆ ยกเว้นส่วนหาง และหลังจากอัลตราซาวนด์สแกนยืนยันว่า หางไม่ยึดติดกับระบบประสาทของเด็ก ทำให้ศัลยแพทย์สามารถผ่าตัดออกได้ แต่ยังไม่ชัดเจนว่ามันทำให้ทารกเจ็บปวดหรือไม่
รายงานของวารสารฉบับดังกล่าวสรุปว่าหางของมนุษย์เป็นความผิดปกติแต่กำเนิดที่หายาก ควรได้รับการตรวจสอบโดยกุมารแพทย์หรือศัลยแพทย์เด็ก
มนุษย์สูญเสียหางเมื่อแยกจากลิงเมื่อประมาณ 20 ล้านปีก่อน ในบางวัฒนธรรม เชื่อว่ามนุษย์ที่เกิดมาพร้อมกับหางนั้นศักดิ์สิทธิ์และคู่ควรแก่การบูชา
(ที่มา:เดอะซัน/เอเจนซี)
