องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาเรียกร้องให้ทั่วโลกเร่งคิดค้นวัคซีนที่จะช่วยต่อต้านการติดเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุการตายของทารกปีละเกือบ 150,000 คน
WHO และวิทยาลัยสุขภาพและเวชศาสตร์เขตร้อนลอนดอน (London School of Hygiene and Tropical Medicine) ได้เผยแพร่รายงานใหม่เกี่ยวกับเชื้อ Group B Streptococcus (GBS) ซึ่งเป็นแบคทีเรียที่พบได้ในระบบทางเดินอาหารของคนวัยผู้ใหญ่ประมาณ 1 ใน 3 และไม่ก่อให้เกิดอันตรายแต่อย่างใด ทว่าอาจเป็นสาเหตุทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดหรือมีความพิการได้มากกว่าที่ผู้เชี่ยวชาญเคยประเมินไว้
รายงานฉบับนี้ยืนยันผลการศึกษาเมื่อปี 2017 ที่ระบุว่า แบคทีเรียชนิดนี้เป็นสาเหตุทำให้ทารกตายหลังคลอด (newborn deaths) และตายคลอด (stillbirths) ปีละเกือบ 100,000 คน และ 50,000 คนตามลำดับ และยังเป็นครั้งแรกที่มีการยืนยันว่าเชื้อ GBS เป็นสาเหตุทำให้ทารกคลอดก่อนกำหนดปีละกว่า 500,000 คน ซึ่งทำให้เด็กที่เกิดมามักมีความพิการในระยะยาว
คณะผู้จัดทำรายงานยอมรับว่า ในปัจจุบันการวิจัยวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย GBS ยังไม่คืบหน้าเท่าที่ควร
“งานวิจัยชิ้นใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า GBS ยังเป็นภัยคุกคามที่ถูกมองข้าม เป็นอันตรายต่อการอยู่รอดและสุขภาพของทารกเกิดใหม่ และสร้างความสูญเสียต่อหลายครอบครัวทั่วโลก” ฟิลิปป์ แลมบัค เจ้าหน้าที่ฝ่ายวัคซีนของ WHO ระบุ
“WHO และองค์กรหุ้นส่วนจึงขอเรียกร้องให้มีการเร่งพัฒนาวัคซีนป้องกัน GBS สำหรับหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมหาศาลต่อทุกๆ ประเทศ”
โดยเฉลี่ยจะมีหญิงตั้งครรภ์ประมาณ 15% หรือเกือบ 20 ล้านคนทั่วโลกที่มีเชื้อแบคทีเรีย GBS อยู่ภายในช่องคลอด และแม้ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ แต่แบคทีเรียอาจติดต่อสู่ทารกในครรภ์ผ่านทางน้ำคร่ำ หรือระหว่างที่ทารกเคลื่อนตัวออกมายังปากช่องคลอด
เนื่องจากทารกในครรภ์และทารกที่เกิดใหม่ยังมีระบบภูมิคุ้มกันที่ไม่แข็งแรงพอ การได้รับเชื้อ GBS จึงอาจทำให้เด็กเกิดภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (meningitis) และโลหิตเป็นพิษ (septicaemia) ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต และถึงแม้รอดมาได้ก็อาจเกิดภาวะสมองพิการ (cerebral palsy) หรือบกพร่องทางการมองเห็นและการได้ยินอย่างถาวร
ที่มา: เอเอฟพี