ราคาน้ำมันขยับขึ้น 1% ในวันพฤหัสบดี (14 ต.ค.) หลังซาอุดีอาระเบียปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้โอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังผลิตเพิ่มเติม ส่วนวอลล์สตรีทพุ่งแรงจากผลประกอบการบริษัทและข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาด ขณะที่ทองคำปิดบวกเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนพฤศจิกายน เพิ่มขึ้น 87 เซนต์ ปิดที่ 81.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดในรอบ 7 ปี ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอน งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 82 เซนต์ ปิดที่ 84.00 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล สูงสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2018
ในรายงานประจำเดือน ทบวงพลังงานสากล (ไออีเอ) ปรับเพิ่มประมาณการอุปสงค์พลังงานโลกในปี 2022 อีก 210,000 บาร์เรลต่อวัน และตอนนี้คาดหมายว่าอุปสงค์น้ำมันโลกโดยรวมในปี 2022 แตะระดับ 99.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน เหนือกว่าระดับก่อนหน้าโรคระบาดใหญ่เล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่ง ซาอุดีอาระเบีย กลับปฏิเสธเสียงเรียกร้องให้โอเปกพลัสปรับเพิ่มกำลังผลิตเพิ่มเติมรองรับอุปสงค์ที่ดีดตัว โดยบอกว่ามาตรการลดกำลังผลิตของทางกลุ่มกำลังปกป้องตลาดน้ำมันจากการแกว่งตัวของราคาอย่างบ้าคลั่ง อย่างที่พบเห็นในตลาดก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน
ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (14 ต.ค.) ปิดบวกอย่างแข็งแกร่ง ดาวโจนส์พุ่งกว่า 500 จุด ได้แรงหนุนจากรายงานผลประกอบการอันสดใสของบรรดาบริษัทจดทะเบียน และข้อมูลเศรษฐกิจที่ดีเกินคาดหมาย
ดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 534.75 จุด (1.56 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 34,912.56 จุด เอสแอนด์พี เพิ่มขึ้น 74.46 จุด (1.71 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,438.26 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 251.79 จุด (1.73 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,823.43 จุด
นักลงทุนขานรับด้วยความคึกคักต่อรายงานผลประกอบการไตรมาส 3 ของสถาบันการเงินชั้นนำต่างๆ เช่นเดียวกับรายงานผลประกอบการที่สดใสของยูไนเต็ดเฮลท์ และวอลกรีนส์ บูทส์ อลิอันซ์
อีกปัจจัยบวกคือ จำนวนผู้เข้ารับสวัสดิการคนว่างงานรายใหม่ที่ลดลงมาอย่างมาก โดยในสัปดาห์ที่แล้วลดต่ำกว่า 300,000 ราย เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่โรคระบาดใหญ่เริ่มต้นขึ้น
ส่วนราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (14 ต.ค.) ปิดบวก 3 วันติด แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ช่วงกลางเดือนกันยายน โดยราคาทองคำโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนธันวาคม เพิ่มขึ้น 3.20 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,797.90 ดอลลาร์ต่อออนซ์
(ที่มา : รอยเตอร์)