เอเจนซีส์ - วาฬบรูด้าสีฟ้าสดใสขนาด 39 ฟุต หนัก 5 ตัน เสียชีวิตแล้วถูกพบติดอยู่ที่หัวเรือขนส่งน้ำมันญี่ปุ่นที่ถูกจอดไว้ที่ท่าเรือมิซูชิมะ สร้างความสะเทือนใจให้ผู้พบเห็นและเหล่าผู้อนุรักษ์วาฬและสิ่งแวดล้อม
บิสซิเนสอินไซเดอร์รายงานเมื่อวานนี้ (9 ต.ค.) ว่า ผู้เชี่ยวชาญได้เปิดเผยกับสื่อธุรกิจว่า ดูเหมือนวาฬบรูด้าที่โชคร้ายจะถูกเรือบรรทุกน้ำมันญี่ปุ่นที่ไม่มีการเปิดเผยชื่อชนเข้าตรงกลางลำตัวพอดี
ทั้งนี้ พบว่าลูกเรือไม่ได้รู้ว่าเรือได้คร่าชีวิตวาฬขนาดใหญ่และซากของมันติดที่หัวเรือขณะที่เรือกำลังแล่นเข้ามาในอ่าวมิซูชิมะ (Mizushima harbor)
เจ้าหน้าที่หน่วยงานยามฝั่งญี่ปุ่นยืนยันกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ ว่า วาฬที่เสียชีวิตเป็นเพศผู้เป็นวาฬบรูด้ามีน้ำหนัก 5 ตัน และความยาวอยู่ที่ 39 ฟุต
ชาวบ้านในพื้นที่เห็นซากวาฬดังกล่าวขณะที่เรือบรรทุกน้ำมันญี่ปุ่นวิ่งกลับเข้าท่าในเมืองคูราชิกิ (Kurashiki) เป็นเมืองในจังหวัดโอกายามะ ทางตะวันตกของญี่ปุ่น เมื่อเดือนที่ผ่านมา แต่ทว่าภาพข่าวเพิ่งถูกเปิดเผยผ่านการตีพิมพ์ของหนังสือพิมพ์โยมิอุริ ชิมบุนในวันอังคาร (5) ล่าสุด
ซึ่งหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่นรายงานว่า เรือบรรทุกน้ำมันวิ่งผ่านมหาสมุทรแปซิฟิกเพื่อกลับเข้ามาที่ท่าเรือมิซูชิมะของญี่ปุ่น เดลีเมล สื่ออังกฤษรายงาน
ชาวประมงญี่ปุ่นในพื้นที่เปิดใจเกี่ยวกับซากวาฬบรูด้าที่ติดมากับเรือบรรทุกน้ำมันว่า “ตั้งแต่ผมจับปลาที่นี่มาเป็นเวลาหลายสิบปี แต่นี่เพิ่งเป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นวาฬ” ขณะที่พยานในเหตุการณ์อีกรายกล่าวเพิ่มเติมว่า “ผมใช้ชีวิตอยู่มานานกว่า 80 ปี แต่เป็นครั้งแรกที่ผมเพิ่งได้เห็นวาฬ”
หลังจากนั้นพบว่ามีการเรียกหน่วยงานยามฝั่งญี่ปุ่นหลังจากพบซากวาฬติดอยู่ที่บริเวณหัวเรือ สื่ออังกฤษชี้
โดยโฆษกหน่วยยามฝั่งญี่ปุ่นกล่าวว่า ทางหน่วยงานไม่เคยเห็นเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนและกำลังมีการตรวจสอบมาตรการที่จะป้องกันการเกิดเหตุคร่าชีวิตวาฬซึ่งถือเป็นสัตว์คุ้มครอง
นอกจากนี้ ยังไม่มีข้อมูลเปิดเผยออกมาว่าบริษัทซึ่งเป็นเจ้าของเรือน้ำมัน หรือลูกเรือจะถูกสอบสวน
อ้างอิงข้อมูลจากมูลนิธิดับเบิลยูดับเบิลยูเอฟ (WWF) ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรเพื่อการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พบว่า เรือบรรทุกน้ำมันถือเป็นสาเหตุลำดับต้นๆ ในการบาดเจ็บและเสียชีวิตของประชากรวาฬ
ขณะที่ ไมเคิล ฟิชแบช (Michael Fishbach) ผู้อำนวยการบริหารและผู้ก่อตั้งร่วมองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรอนุรักษ์วาฬ Great Whale Conservancy ซึ่งมีฐานอยู่ในรัฐนอร์ทแคโรไลนาเปิดเผยกับบิสซิเนสอินไซเดอร์ว่า
มีราว 60% ของเรือที่เกี่ยวข้องกับ “วาฬ” นั้นเป็นเรือบรรทุกสินค้า และส่วนมากเมื่อวาฬถูกชนพวกมันจะจมดิ่งลงสู่พื้นมหาสมุทรทันทียกเว้นแต่ในกรณีวาฬบรูด้าที่ถูกเรือบรรทุกน้ำมันชนเข้าตรงกลางลำตัวและเป็นผลทำให้ซากวาฬติดเรือไปอย่างที่ได้เห็นตามภาพข่าว