ตำรวจอังกฤษนายหนึ่งถูกศาลตัดสินเมื่อวันพฤหัสบดี (30 ก.ย.) ให้รับโทษจำคุกตลอดชีวิตแบบที่จะไม่มีการพิจารณาลดหย่อนผ่อนโทษใดๆ กันเลยในอนาคต ในความผิดฐานลักพาตัวหญิงสาวระหว่างเดินกลับบ้าน ออกอุบายจะจับกุมเธอด้วยข้อหาละเมิดข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนพาไปข่มขืนแล้วฆ่าอย่างเลือดเย็น
การหายตัวไปของ ซาราห์ เอเวอร์อาร์ด หญิงสาววัย 33 ปีผู้นี้ ระหว่างการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กลายเป็นหนึ่งในการสืบสวนคดีบุคคลสูญหายโด่งดังที่สุดของสหราชอาณาจักร รวมทั้งจุดชนวนการประท้วงและประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้หญิงบนท้องถนน
เวย์น คูเซนส์ วัย 48 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำหน่วยพิเศษด้านการทูตและอารักขารัฐสภา ภายใต้สังกัดตำรวจนครบาลลอนดอน ยอมรับสารภาพเมื่อเดือนกรกฏาคม ว่าเป็นคนลักพาตัว เอเวอร์อาร์ด ข่มขืนและฆาตกรรม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหญิงรายนี้เดินออกจากบ้านเพื่อนในย่านแคลปแฮม ทางใต้ของลอนดอน เพื่อกลับบ้านพักของเธอซึ่งอยู่ย่านบริกซ์ตัน
เอเวอร์อาร์ด ถูกรัดคอแล้วจุดไฟเผา ก่อนที่ศพของเธอจะถูกพบในป่า หนึ่งสัปดาห์หลังจากหายตัวไป
ระหว่างการพิจารณาลงโทษ 2 วัน อัยการทอม ลิตเติล ระบุว่า คูเซนส์ ล็อคเป้าเล่นงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหญิงวัย 33 ปี ในวันที่ 3 มีนาคม หลังออกเวรจากสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ
"คูเซนส์ อยู่นอกเวลางาน แต่ยังสวมเข็มขัดตำรวจ ก่อเหตุลักพาตัว เอเวอร์อาร์ด จับกุมโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ใส่กุญแจมือเธอและแสดงบัตรประจำตัว"
"ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นเขาแสดงบัตรประจำตัวตำรวจ ใส่กุญแจมือ เอเวอร์อาร์ด จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถที่เช่ามา เพื่อลักพาตัวและข่มขืนผู้หญิง" อัยการระบุ
อัยการระบุว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งขับรถผ่านไปพอดีในช่วงเวลาดังกล่าว และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พวกเขานึกว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัย
เนื่องจาก คูเซนส์ มีความรู้และมีประสบการณ์ในการตรวจการณ์ระหว่างบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ และรู้ภาษาที่ใช้ จึงทำให้สองสามีภรรยาไม่เอะใจใดๆ
ตั้งแต่นาทีที่ เอเวอร์อาร์ด ถูกใส่กุญแจมือตอน 21.34 น. ทาง คูเซนส์ ใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาทีในการนำตัวเธอขึ้นรถ ก่อนขับออกไปมุ่งหน้าสู่เมืองโดเวอร์ จากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นเขาย้ายเธอขึ้นรถอีกคัน แล้วขับไปยังพื้นที่ชนบทห่างไกลแห่งหนึ่ง แล้วลงมือข่มขืน
คูเซนส์ ซึ่งแต่งงานแล้วและมีลูก 2 คน เล่าให้จิตแพทย์ฟังว่าเขาใช้เข็มขัดตำรวจรัดคอ เอเวอร์อาร์ด ก่อนจุดไฟเผาเธอแล้วใส่ถุงนำไปทิ้ง
ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและรู้ว่าคนร้ายคือ คูเซนส์ ผ่านรถยนต์ที่เขาเช่ามา จากนั้นก็เข้าจับกุมเขาที่บ้านพักในวันที่ 9 มีนาคม ไม่กี่นาทีหลังจากเขาลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ
ในการตัดสินเมื่อวันพฤหัสบดี (30) ผู้พิพากษาระบุว่า การที่คูเซนส์ใช้ฐานะความเป็นตำรวจของเขาในการกระทำความผิด “อย่างวิปริต” เช่นนี้ สมควรต้องได้รับการลงโทษในขั้นสูงสุด ซึ่งก็คือการถูกจำคุกกันทั้งชีวิตโดยที่จะไม่มีโอกาสได้รับการพิจารณาทัณฑ์บนผ่อนโทษเลย
ปัจจุบันมีอาชญากรอันตรายที่สุดของสหราชอาณาจักรอีกประมาณ 60 คนเท่านั้น ซึ่งได้รับโทษจะต้องตายในคุกอย่างแน่นอนเช่นนี้
ก่อนการพิจารณาคดี ตำรวจนครบาลลอนดอนบอกว่าพวกเขารู้สึกสะอิดสะเอียน โมโหและเสียใจกับอาชญากรรมที่ คูเซนส์ ก่อขึ้น "ซึ่งมันทรยศทุกอย่างที่เรายึดมั่น"
ระหว่างการพิจารณาคดีนี้ พวกผู้ประท้วงรวมตัวกันบริเวณด้านนอกศาล ชูป้ายข้อความวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจต่างๆนานา ในนั้นรวมถึง "ตำรวจนครบาล เลือดเปื้อนมือพวกคุณแล้ว"
รัฐบาลให้สัญญาปรับปรุงกฎหมาย หลังคดีฆาตกรรม เอเวอร์อาร์ด จุดชนวนความโกรธแค้นในวงกว้างเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของสตรีในสถานที่สาธารณะ เช่นเดียวกับอัตราบทลงโทษที่ต่ำเกินไปสำหรับฐานความผิดบางอย่าง ในนั้นรวมถึงข่มขืน ความรุนแรงในครอบครัวและการย่องตาม
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีคำถามอยู่ดีถึงความบกพร่องล้มเหลวในการจัดการกับคำร้องเรียนต่างๆ ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการแสดงออกแบบลามกอนาจารของคูเซนส์ ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้ใช้บริการโสเภณีและสื่อลามกแบบนิยมความรุนแรง รวมทั้งถูกเพื่อนร่วมงานด้วยกันตั้งฉายาให้ว่า “นักข่มขืน”
(ที่มา: เอเอฟพี)