xs
xsm
sm
md
lg

เผยข้อมูลคดีช็อก!ตำรวจUKลวงข่มขืนฆ่าหญิงสาวระหว่างล็อกดาวน์ ออกอุบายอ้างละเมิดข้อจำกัดโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ตำรวจอังกฤษนายหนึ่งลักพาตัวหญิงสาวระหว่างเดินกลับบ้าน ออกอุบายจะจับกุมเธอโทษฐานละเมิดข้อจำกัดสกัดการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ก่อนพาไปข่มขืนแล้วฆ่าอย่างเลือดเย็น จากข้อมูลระหว่างการพิจารณาคดีของศาลเมื่อวันพุธ(29ก.ย.)

การหายตัวไปของ ซาราห์ เอเวอร์อาร์ด วัย 33 ปี ระหว่างมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศในเดือนมีนาคม เป็นหนึ่งในการสืบสวนคดีบุคคลสูญหายโด่งดังที่สุดของสหราชอาณาจักร จุดชนวนการประท้วงและประเด็นถกเถียงเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้หญิงบนท้องถนน

เวย์น คูเซนส์ วัย 48 ปี เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยพิเศษด้านการทูตและอารักขารัฐสภา ภายใต้สังกัดตำรวจนครบาลลอนดอน ยอมรับสารภาพเมื่อเดือนกรกฏาคม ว่าเป็นคนลักพาตัว เอเวอร์อาร์ด ข่มขืนและฆาตกรรม ระหว่างที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหญิงรายนี้เดินทางออกจากบ้านเพื่อนในย่านแคลปแฮม ทางใต้ของลอนดอน เพื่อกลับบ้านพักของเธอซึ่งอยู่ย่านบริกซ์ตัน

เอเวอร์อาร์ด ถูกรัดคอแล้วจุดไฟเผา ก่อนที่ศพของเธอจะถูกพบในป่า หนึ่งสัปดาห์หลังจากหายตัวไป

ระหว่างการพิจารณาลงโทษ 2 วัน อัยการทอม ลิตเติล ระบุว่า คูเซนส์ ล็อคเป้าเล่นงานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดหญิงวัย 33 ปี ในวันที่ 3 มีนาคม หลังออกเวรจากสถานทูตสหรัฐฯ "คูเซนส์ อยู่นอกเวลางาน แต่ยังสวมเข็มขัดตำรวจ ก่อเหตุลักพาตัว เอเวอร์อาร์ด จับกุมโดยไม่มีอำนาจตามกฎหมาย ใส่กุญแจมือเธอและแสดงบัตรประจำตัว"

"ภาพจากกล้องวงจรปิดพบเห็นเขาแสดงบัตรประจำตัวตำรวจ ใส่กุญแจมือ เอเวอร์อาร์ด จากนั้นก็พาเธอขึ้นรถที่เช่ามา เพื่อลักพาตัวและข่มขืนผู้หญิง" อัยการระบุ

อัยการระบุว่ามีสามีภรรยาคู่หนึ่งขับรถผ่านไปพอดีในช่วงเวลาดังกล่าว และเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่พวกเขานึกว่าเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบกำลังปฏิบัติหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัย
เนื่องจาก คูเซนส์ มีความรู้และมีประสบการณ์ในการลาดตระเวนระหว่างบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ และรู้ภาษาที่ใช้ จึงทำให้สองสามีภรรยาไม่เอะใจใดๆ


ตั้งแต่นาทีที่ เอเวอร์อาร์ด ถูกใส่กุญแจมือตอน 21.34 น. ทาง คูเซนส์ ใช้เวลาเพียงแค่ 3 นาทีในการนำตัวเธอขึ้นรถ ก่อนขับออกไปมุ่งหน้าสู่เมืองโดเวอร์ จากนั้นภาพจากกล้องวงจรปิด พบเห็นเขาย้ายเธอขึ้นรถอีกคัน แล้วขับไปยังพื้นที่ชนบทห่างไกลแห่งหนึ่ง แล้วลงมือข่มขืน

คูเซนส์ ซึ่งแต่งงานแล้วและมีลูก 2 คน เล่าให้จิตแพทย์ฟังว่าเขาใช้เข็มขัดตำรวจรัดคอ เอเวอร์อาร์ด ก่อนจุดไฟเผาเธอแล้วใส่ถุงนำไปทิ้ง

ตำรวจตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดและรู้ว่าคนร้ายคือ คูเซนส์ ผ่านรถยนต์ที่เขาเช่ามา จากนั้นก็เข้าจับกุมเขาที่บ้านพักในวันที่ 9 มีนาคม ไม่กี่นาทีหลังจากเขาลบข้อมูลในโทรศัพท์มือถือ

ศาลมีกำหนดพิจารณาระวางโทษในวันพฤหัสบดี(30ก.ย.) และทางอัยการบอกกับผู้พิพากษาอาเดรียน ฟุลฟอร์ด ว่าคดีนี้เป็นคดีที่พิเศษมากและเป็นคดีที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ดังนั้นจึงมีเหตุอันควรสำหรับลงโทษจำคุกตลอดชีวิต

ก่อนการพิจารณาคดี ตำรวจนครบาลลอนดอนบอกว่าพวกเขารู้สึกสะอิดสะเอียน โมโหและเสียใจกับอาชญากรรมที่ คูเซนส์ ก่อขึ้น "ซึ่งมันทรยศทุกอย่างที่เรายึดมั่น"

กองกำลังตำรวจไล่ออกเจ้าหน้าที่รายนี้และบอกว่าพฤติกรรมของเขา "อาจก่อความเคลือบแคลงและความกังวล" แต่ไม่ขอแสดงความคิดเห็นเพิ่มเติม จนกว่าจะมีคำพิพากษาลงโทษ

พวกผู้ประท้วงรวมตัวกันบริเวณด้านนอกศาล ชูป้ายข้อความวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจต่างๆนานา ในนั้นรวมถึง "ตำรวจนครบาล เลือดเปื้อนมือพวกคุณแล้ว"

รัฐบาลให้สัญญาปรับปรุงกฎหมาย หลังคดีฆาตกรรม เอเวอร์อาร์ด จุดชนวนความโกรธแค้นในวงกว้างเกี่ยวกับความไม่ปลอดภัยของสตรีในสถานที่สาธารณะ เช่นเดียวกับอัตราบทลงโทษที่ต่ำเกินไปสำหรับฐานความผิดบางอย่าง ในนั้นรวมถึงข่มขืน ความรุนแรงในครอบครัวและย่องตาม

(ที่มา:เอเอฟพี)


กำลังโหลดความคิดเห็น