คาอิส ไซเอด ประธานาธิบดีตูนิเซีย แต่งตั้งนัจลา บูเด็น รอมฎอน เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของประเทศและโลกอาหรับ ราว 2 เดือนหลังจากเขายึดอำนาจฝ่ายบริหารในวงกว้าง และระงับการทำหน้าที่ของรัฐสภาชั่วคราว
"เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของตูนิเซียที่ผู้หญิงคนหนึ่งก้าวขึ้นมานำรัฐบาล" ไซเอดกล่าวระหว่างพบปะกับ รอมฎอน ในวันพุธ(29ก.ย.) จากวิดีโอที่เผยแพร่โดยทำเนียบประธานาธิบดี "มันเป็นเกียรติสำหรับตูนิเซียและผู้หญิงชาวตูนิเซีย"
รอนฎอน อายุ 63 ปี ซึ่งเคยเป็นรัฐมนตรีอุดมศึกษาในปี 2011 จะเข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในยามที่ประเทศกำลังเผชิญวิกฤต ประชาธิปไตยที่ได้มาหลังการปฏิวัติปี 2011 กำลังตกอยู่ในความสงสัยและเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงต่อระบบการคลังสาธารณะของประเทศ แม้อีกด้านหนึ่งก็มีความคลางแคลงใจว่าเธอจะมีอำนาจแท้จริงมากน้อยแค่ไหน
ตูนิเซียเผชิญวิกฤตในการเงินสาธารณะที่ลุกลามอย่างรวดเร็ว หลังเศรษฐกิจที่ซบเซามานานหลายปีถูกซ้ำเติมจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 และการต่อสู้ทางการเมือง ขณะที่พันธบัตรรัฐบาลตูนิเซียอยู่ภายใต้แรงกดดัน และค่าประกันต่อการผิดนัดชำระหนี้ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ในเดือนกรกฏาคม ไซเอด ตะเพิดรัฐบาลและระงับการทำหน้าที่ของรัฐสภาที่นำโดยพรรคการเมืองสายกลางอย่าง อิสลามิสต์ เอนนาห์ดา (Islamist Ennahda) ความเคลื่อนไหวที่ฝ่ายศัตรูของระบุเป็นการทำ “รัฐประหาร” เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เขาเมินเฉยเป็นส่วนใหญ่ต่อรัฐธรรมนูญ อ้างว่าเขาสามารถปกครองประเทศผ่านกฤษฎีกาและควบคุมรัฐบาลด้วยตัวเองในช่วงที่ยังไม่มีกำหนดว่าประกาศฉุกเฉินจะสิ้นสุดเมื่อไร
รัฐบาลจะต้องทำงานอย่างรวดเร็วอย่างมากในความเคลื่อนไหวหาแรงสนับสนุนทางการเงินสำหรับงบประมาณและชำระหนี้ หลังจากการเจรจากับกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) หยุดชะงักมานับตั้งแต่ ไซเอด ยึดอำนาจบริหารในเดือนกรกฏาคม
อย่างไรก็ตามหลังจาก ไซเอด แถลงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่ารัฐบาลจะเป็นหน้าที่รับผิดชอบของประธานาธิบดี และเขาเป็นคนเลือกหรือปลดคณะรัฐมนตรี บทบาทของนายกรัฐมนตรีจึงดูเหมือนมีความสำคัญน้อยกว่าในรัฐบาลชุดก่อนๆ
ตูนิเซีย กำลังเผชิญสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้น และความไม่พอใจมากขึ้นต่อสภาพการเมืองที่มีความผิดปกติเรื้อรังและเศรษฐกิจง่อนแง่น ประชาชนหลายร้อยคนลงสู่ท้องถนนในกรุงตูนิสเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อประท้วงการยึดอำนาจของประธานาธิบดีไซเอ็ด
“เราจะดำเนินการยุติคอร์รัปชันและความวุ่นวายที่ครอบงำสถาบันต่างๆ ของประเทศ เราเสียเวลามามากแล้ว” ไซเอดกล่าวระหว่างพบปะกับรอมฎอนในวันพุธ(29ก.ย.)
(ที่มา:ซีเอ็นเอ็น)
