อดีตนาวิกโยธินนักซุ่มยิงชาวอเมริกันผู้ผ่านศึกทั้งสงครามอิรักและอัฟกานิสถาน สวมชุดเกราะเต็มพิกัดบุกยิงสุ่มใส่เหยื่อเสียชีวิต 4 รายในฟลอริดา ซึ่งรวมถึงแม่และลูกน้อยวัย 3 เดือน ก่อนยอมมอบตัวหลังถูกตำรวจล้อมจับ นอกจากนี้ ยังมีเด็กหญิงวัย 11 ปีถูกยิงอย่างน้อย 7 นัดได้รับบาดเจ็บ โดยขณะนี้ยังไม่รู้แรงจูงใจในการก่อเหตุ
ไบรอัน ไรลีย์ อดีตนาวิกโยธินผ่านศึกโชกโชนวัย 33 ปีผู้นี้ บอกเจ้าหน้าที่ว่าเขากำลังเมายาเมทแอมเฟตามีน (ยาบ้า) เมื่อตอนที่เขาบุกรุกเข้าไปที่บ้านหลังหนึ่งในรัฐฟลอริดา และยิงแม่ลูกอ่อน ทารกวัย 3 เดือนของเธอ ตลอดจนคนอื่นๆ อีก 2 คน เขาถูกผู้พิพากษาสั่งขังโดยไม่ให้ประกันตัว ระหว่างที่เขาถูกนำตัวไปขึ้นศาลครั้งแรกเมื่อวันจันทร์ (6 ก.ย.)
ไรลีย์ยอมมอบตัวในตอนเช้าวันอาทิตย์ (5) หลังต่อสู้ดวลปืนสนั่นหวั่นไหวกับพวกเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย ซึ่งนำเอารถหุ้มเกราะอย่างน้อย 1 คันเข้ามาช่วยเหลือกดดันคนร้าย ระหว่างการประจันหน้ากัน จากนั้นเจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งรีบเข้าไปภายในบ้านและช่วยเด็กหญิงอายุ 11 ปีผู้หนึ่ง ซึ่งยังคงมีสติอยู่ถึงแม้ถูกกระสุนสาดใส่ถึง 7 นัด เธอยังคงบาดเจ็บสาหัสมากแต่อาการทรงตัวแล้วเมื่อถึงวันจันทร์ (6) สำนักงานเจ้าพนักงานปกครองแถลง
ขณะที่ก่อนหน้านี้ เกรดี้ จัดด์ เจ้าพนักงานปกครองของเทศมณฑลโพลค์แถลงว่า กระทั่งหลังถูกจับกุมเมื่อเช้าวันอาทิตย์ (5 ก.ย.) แต่ ไรลีย์ ยังแสดงความก้าวร้าวโดยพยายามแย่งปืนจากเจ้าหน้าที่ขณะนอนอยู่บนเตียงเข็นผู้ป่วยในโรงพยาบาล
จัดด์เสริมว่า ไรลีย์เป็นอดีตนาวิกโยธินผู้ทำหน้าที่เป็นพลซุ่มยิงในอิรักและอัฟกานิสถาน และดูเหมือนมีอาการทางจิต แฟนของเขาเผยว่า ตลอดหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเขามักย้ำว่า สามารถสื่อสารกับพระเจ้าได้
ครอบครัวที่ตกเป็นเหยื่อถูกสังหารในคดีนี้ เผชิญหน้า ไรลีย์ ครั้งแรก ในคืนวันเสาร์ (4) ตอนที่เขาหยุดรถที่บ้านของครอบครัวนี้ซึ่งอยู่ในเมืองเลคแลนด์ ห่างออกไปราว 48 กิโลเมตรจากเมืองเทมปา อันเป็นที่อยู่ของ ไรลีย์ ทั้งนี้ จัดด์ บอกว่า การที่ ไรลีย์ จอดรถตรงนั้นดูจะเป็นเรื่องบังเอิญ
จัสติส กลีสัน วัย 40 ปี กำลังตัดหญ้าที่สนามหญ้าบ้านของเขา เมื่อตอนที่ ไรลีย์ บุกเข้าไป พร้อมกับประกาศว่า พระเจ้าส่งเขามาเพื่อป้องกันไม่ให้ใครคนหนึ่งที่ชื่อว่า “แอมเบอร์” ฆ่าตัวตาย กลีสันพร้อมกับบุคคลอีกคนหนึ่งซึ่ง จัดด์ ระบุว่า เป็นเหยื่ออีกรายหนึ่งที่ถูกสังหาร กล่าวกับไรลีย์ว่า ไม่มีใครชื่อนี้ พร้อมกับบอกให้เขาไปเสีย พวกเขายังแจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งได้เดินทางมาด้วย ทว่า ไรลีย์ หนีไปก่อนแล้ว
อีกหลายชั่วโมงต่อมา ไรลีย์ ย้อนกลับมา และใช้ปืนสังหารคนในครอบครัวนี้ เขาบอกกับเจ้าหน้าที่สอบสวนว่า “พวกนั้นอ้อนวอนขอชีวิต แต่ผมก็ฆ่าพวกเขาอยู่ดี” จัดด์แถลง
ประมาณตี 4.30 น.วันอาทิตย์ ไรลีย์โรยแท่งเรืองแสงท่ามกลางความมืดมิด บนทางเดินไปยังบ้านหลังนั้น ในความพยายามที่จะ “ดักซุ่มโจมตี” เจ้าพนักงานปกครองผู้นี้บอกกับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่ผู้หนึ่งได้ยินเสียงดังผิดปกติหลายครั้งจากระยะไกลจึงระดมกำลังเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายของรัฐและท้องถิ่นในบริเวณนั้นเตรียมพร้อมรับมือเหตุมือปืนกราดยิง และไปที่เกิดเหตุทันที เมื่อถึงบ้านหลังดังกล่าวพบรถปิกอัพสีขาวของไรลีย์ และตัวเขาสวมชุดลายพรางและไม่มีอาวุธอยู่ด้านนอกตัวบ้าน
ทว่า ไรลีย์หนีเข้าไปในบ้านทันทีก่อนที่จะมีเสียงปืนดังอีกนัดหนึ่ง และเสียงผู้หญิงและทารกกรีดร้อง
เจ้าหน้าที่พยายามบุกเข้าทางประตูหน้าแต่พบว่ามีสิ่งกีดขวาง จึงอ้อมไปด้านหลังและเผชิญหน้ากับไรลีย์ที่สวมชุดเกราะเต็มพิกัดปิดทั้งศีรษะและเข่า รวมทั้งเสื้อกันกระสุน และมีการยิงต่อสู้กันหลายสิบนัดก่อนที่ผู้ก่อเหตุจะหลบเข้าไปในบ้านอีกครั้ง แต่ไม่นานหลังจากนั้นก็ออกมามอบตัวโดยมีบาดแผลถูกยิง 1 นัด
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากในตัวบ้าน แต่ยังไม่แน่ใจว่า เป็นเสียงมือปืนอีกคนที่หลอกให้เข้าไปติดกับดักหรือไม่ กระนั้น ตำรวจคนหนึ่งตัดสินใจบุกเข้าไปและพบว่า เป็นเสียงของเด็กหญิงวัย 11 ขวบที่ถูกยิง เธอบอกว่า ยังมีผู้เสียชีวิตในบ้านอีก 3 คน
หลังจากส่งหุ่นยนต์ตรวจหาระเบิดและกับดักอื่นๆ เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบภายในบ้านและพบร่างกลีสัน แม่ลูกอ่อนวัย 33 ปี และทารกอายุ 3 เดือน รวมทั้งยายของทารกน้อยที่อยู่บ้านอีกหลังใกล้กัน และสุนัขของครอบครัวดังกล่าว
แฟนสาวที่ไรลีย์อยู่ด้วยมานาน 4 ปี ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่อย่างดี โดยบอกว่า ตกใจมากเพราะเขาไม่เคยใช้ความรุนแรงแต่มีอาการผิดปกติทางจิตใจหลังประสบสถานการณ์รุนแรง (พีทีเอสดี) และไม่อยู่กับร่องกับรอยมากขึ้นเรื่อยๆ
เธอเล่าว่า ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไรลีย์ตุนเสบียงที่รวมถึงบุหรี่รวมมูลค่า 1,000 ดอลลาร์ โดยบอกว่า จะนำไปช่วยผู้ประสบภัยจากเฮอรริเคนไอดา ตามคำบัญชาของพระเจ้า
เมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจค้นในรถของเขา ได้พบชุดห้ามเลือดและอุปกรณ์อื่นๆ สำหรับการยิงต่อสู้
จัดด์บอกว่า ไรลีย์ทำงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยภาคเอกชน และไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม
ไบรอัน แฮส อัยการรัฐฟลอริดา ทิ้งท้ายว่า คำถามสำคัญในขณะนี้คือ แรงจูงใจในการก่อเหตุ
(ที่มา : เอพี)
