ญี่ปุ่นระงับ "วัคซีนโมเดอร์นา" กว่าล้านโดส ‘พบปนเปื้อน’ ยอดตายรายวันเกาหลีใต้ทุบสถิติ-เคสใหม่ออสซี่ทะลุพัน

ญี่ปุ่นระงับการฉีดวัคซีนโมเดอร์นา 1.63 ล้านโดส หลังได้รับรายงานจากผู้จัดจำหน่ายว่า พบการปนเปื้อนในวัคซีนบางขวดเมื่อกว่าสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่เกาหลีใต้รายงานยอดผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิดสูงสุดทำสถิติ และออสเตรเลียยังคุมเดลตาไม่อยู่ ล่าสุดตัวเลขเคสใหม่ทะลุ 1,000 คน

ในวันพฤหัสฯ (26) โมเดอร์นาออกคำแถลงยืนยันว่า ได้รับแจ้งกรณีการพบฝุ่นละอองขนาดเล็กในวัคซีนโควิด-19 ของตนบางขวดแล้ว และกำลังตรวจสอบรายงานนี้อยู่ รวมทั้งจะร่วมมือกับคู่ค้าคือ ทาเกดะ ฟาร์มาซูติคัล และเจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่น เพื่อจัดการปัญหานี้อย่างเร่งด่วน

ทางด้านเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเผยว่า ทาเกดะตรวจพบการปนเปื้อนตั้งแต่วันที่ 16 ที่ผ่านมาแต่เพิ่งรายงานต่อรัฐบาลเมื่อวันพุธ (25) เนื่องจากต้องการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนวัคซีนที่ปนเปื้อนและสถานที่ที่ได้รับวัคซีนเหล่านั้นให้ครบถ้วนก่อน

อย่างไรก็ตาม ทั้งญี่ปุ่นและโมเดอร์นายืนยันว่า ไม่มีรายงานเกี่ยวกับปัญหาความปลอดภัยหรือประสิทธิภาพ และการระงับการฉีดวัคซีนเป็นเพียงมาตรการป้องกันไว้ก่อนเท่านั้น

โมเดอร์นายังระบุว่า การปนเปื้อนน่าจะเกิดจากกระบวนการในโรงงานที่สเปนที่ได้รับการว่าจ้างบรรจุและดำเนินการขั้นสุดท้ายสำหรับวัคซีนโมเดอร์นาที่จำหน่ายในประเทศอื่นๆ นอกจากอเมริกา และเป็นที่คาดกันว่า ปัญหานี้จะทำให้การจัดส่งวัคซีนของโมเดอร์นายิ่งล่าช้า โดยขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่า จะกระทบต่อการจัดส่งให้ประเทศอื่นๆ ด้วยหรือไม่

นายกรัฐมนตรีโยชิฮิเดะ ซูงะ แถลงเมื่อวันพฤหัสฯ ยืนยันว่า การระงับวัคซีนโมเดอร์นาส่งผลกระทบเพียงเล็กน้อยต่อแผนการฉีดวัคซีนของญี่ปุ่น โดยก่อนหน้านี้ ซูงะประกาศว่า ประชากร 60% จะได้ฉีดวัคซีนครบโดสภายในสิ้นเดือนหน้า และญี่ปุ่นมีวัคซีนเพียงพอสำหรับเข็มกระตุ้นหากจำเป็น

ขณะนี้ ญี่ปุ่นเผชิญการระบาดรุนแรงที่สุดจากสายพันธุ์เดลตาที่พบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเกิน 25,000 คนเป็นครั้งแรกในเดือนนี้

เช่นเดียวกับเกาหลีใต้ที่สายพันธุ์เดลตายังคงระบาดหนัก โดยพบผู้เสียชีวิต 20 คนเมื่อวันพุธ ซึ่งถือเป็นสถิติรายวันสูงสุดในประเทศ ขณะที่จำนวนเคสใหม่เพิ่มขึ้น 1,882 คน รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 243,317 คน และเสียชีวิต 2,257 คน

นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า จำนวนผู้ป่วยวิกฤตหรือป่วยหนักเพิ่มขึ้นเป็น 425 คน จาก 155 คนเมื่อวันที่ 7 กรกฎาคมซึ่งการระบาดระลอก 4 เริ่มต้นขึ้น และเตียงผู้ป่วยโควิดขั้นวิกฤตถูกใช้ไปแล้ว 250 เตียงจนถึงวันอังคาร (24) จาก 833 เตียงทั่วประเทศ

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันพฤหัสฯ เกาหลีใต้เริ่มฉีดวัคซีนให้ประชาชนอายุ 18-49 ปี ภายใต้เป้าหมายในการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มให้ประชาชน 70% และฉีดครบโดสให้ประชาชน 50% ภายในเดือนกันยายน

วันเดียวกันนั้น ออสเตรเลียรายงานว่า พบผู้ติดเชื้อในท้องถิ่นเกิน 1,000 คนเป็นครั้งแรกนับจากโควิดระบาดเมื่อปีที่แล้ว

รัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของซิดนีย์ เมืองใหญ่ที่สุดในประเทศและเป็นศูนย์กลางการระบาดระลอกล่าสุด พบผู้ติดเชื้อใหม่ 1,029 คนในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

ซิดนีย์มีผู้ติดเชื้อสะสมกว่า 15,000 คนนับจากไวรัสสายพันธุ์เดลตาเริ่มระบาดเมื่อกลางเดือนมิถุนายนและแพร่ไปยังเมืองอื่นๆ ส่งผลให้ประชาชนกว่าครึ่งจาก 25 ล้านคนทั่วประเทศต้องอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์และจำกัดการเดินทาง

อย่างไรก็ตาม เกลดิส เบเรจิกเลียน มุขมนตรีรัฐนิวเซาท์เวลส์ประกาศผ่อนคลายมาตรการจำกัดบางส่วน โดยให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบแล้วไม่เกิน 5 คนสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมกลางแจ้งและในพื้นที่ที่ไม่มีการแพร่ระบาดรุนแรง โดยจะเริ่มจากกลางเดือนหน้า

ส่วนพื้นที่อื่นๆ ที่ยังคงมีการระบาดรุนแรง ทางการสั่งขยายเวลาคำสั่งกักตัวอยู่บ้านไปจนถึงวันที่ 10 กันยายน

ขณะเดียวกัน รัฐวิกตอเรียที่พบการระบาดในเมืองเมลเบิร์นแต่รุนแรงน้อยกว่าในรัฐนิวเซาท์เวลส์ รายงานจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ 80 คนในวันพฤหัสฯ