เอเอฟพี/เอพี/รอยเตอร์ - ลี แจ-ยอง ทายาทซัมซุงถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระก่อนกำหนดโดยมีเงื่อนไขทัณฑ์บนคดีเลี่ยงภาษี เดินออกมาจากเรือนจำที่กรุงโซล เกาหลีใต้ในวันศุกร์ (13 ส.ค.) พร้อมยืนคำนับต่อฝูงนักข่าวหน้าเรือนจำขออภัยที่ทำให้หลายฝ่ายเกิดความวิตก
เอเอฟพีรายงานวันนี้ (13 ส.ค.) ว่า ลี แจ-ยอง (Lee Jae-yong) วัย 53 ปี ทายาทซัมซุมที่ถูกนิตยสารฟอร์บส์จัดอันดับความร่ำรวยอยู่ที่ 202 โดยมีทรัพย์สินรวม 11.4 พันล้านดอลลาร์ ได้รับการสนับสนุนจากทั้งนักการเมืองเกาหลีใต้ และบรรดาผู้นำทางธุรกิจของประเทศให้ปล่อยตัวให้พ้นโทษก่อนกำหนด
โดยก่อนที่เขาจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำในวันศุกร์ (13) พบว่า ลีกำลังชดใช้โทษด้วยการถูกจำคุกนาน 2 ปีครึ่งในความผิดการให้สินบน การฉ้อโกง และความผิดอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการคอร์รัปชันฉาว จนทำให้อดีตประธานาธิบดีหญิงเกาหลีใต้ พัก กึน-ฮเย ต้องตกจากอำนาจ
วันจันทร์ (9) ต้นสัปดาห์ รัฐมนตรียุติธรรมเกาหลีใต้แถลงการปล่อยตัวก่อนกำหนดของทายาทซัมซุงว่า เขาเป็นหนึ่งในผู้ต้องขังจำนวน 800 คน ที่จะเป็นอิสระก่อนกำหนดเนื่องในวันประกาศอิสรภาพจากญี่ปุ่นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่จะตรงกับวันอาทิตย์ (15) โดยชี้ไปในกรณีของลี โดยอ้างความวิตกไปถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ที่มาจากวิกฤตโควิด-19
เอเอฟพีรายงานว่า ลี วัย 53 ปี คำนับต่อหน้ากองทัพนักข่าวที่ด้านนอกเรือนจำทางใต้ของกรุงโซลพร้อมเอ่ยว่า “ผมทำให้มีความวิตกเป็นอย่างมากต่อทุกคน ผมขอโทษ”
ลีซึ่งสวมสูทสีดำในวันเดินทางออกมาจากเรือนจำกล่าวต่อว่า “ผมฟังอย่างตั้งใจต่อพวกท่านในความวิตก เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ความกังวล และการคาดหวังอย่างสูงในตัวผม” และเขาถูกนำขึ้นรถลิมูซีนสีดำก่อนที่จะถูกขับออกไป
เอพีรายงานว่า ทั้งนี้ ทายาทซัมซุงที่ผ่านมาจำเป็นต้องรับโทษจำคุกทั้งหมด 30 เดือนในเรือนจำแต่เขารับโทษไปแค่ 18 เดือนเท่านั้น และถึงแม้เขาจะได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระแต่ยังคงไม่พ้นจากวิบากกรรมเพราะในวันพฤหัสบดี (12) 1 วันก่อนหน้าเขาต้องมาปรากฏตัวต่อศาลแขวงกลางโซล ( Seoul Central District Court) สำหรับคดีจัดฉากราคาหุ้น ความผิดทางการตกแต่งตัวเลขทางบัญชี และอาชญากรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมเมื่อปี 2015 ทีมกฎหมายของเขาโต้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ใช่ความผิดเป็นแต่เพียงการประพฤติปฏิบัติตามปกติในแวดวงธุรกิจ
อ้างอิงจากรอยเตอร์พบว่า ลี แจ-ยอง จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากรัฐมนตรียุติธรรมเกาหลีใต้ก่อนที่เขาจะสามารถกลับไปนั่งบริหารธุรกิจซัมซุงต่อได้ เนื่องมาจากกฎหมายเกาหลีใต้กำหนดห้ามบุคคลที่ต้องโทษบางอย่างกลับมาทำงานให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับคดีของตัวเองเป็นเวลา 5 ปี ซึ่งบริษัทซัมซุงต้องการการตัดสินใจจากลีสำหรับการลงทุนสหรัฐฯ มูลค่า 17 ล้านดอลลาร์รอคอยอยู่เบื้องหน้า ซึ่งจะเป็นโรงงานผลิตชิปโลจิกเทคโนโลยีชั้นสูงในสหรัฐฯ เกิดขึ้นในเวลาที่ทั่วโลกกำลังประสบปัญหาการขาดแคลนชิปอย่างหนัก และคู่แข่งของซัมซุง เช่น TSMC และบริษัทอินเทลได้ทุ่มเงินจำนวนมากสำหรับการลงทุน
การปล่อยตัวออกมาก่อนกำหนดของลี สร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่วเกาหลีใต้และโดยเฉพาะต่อตัวประธานาธิบดีมุน แจ-อิน ที่เคยหาเสียงจะขจัดปัญหาคอร์รัปชันและอิทธิพลของกลุ่มแชโบล (Chaebol) หรือตระกูลใหญ่ที่ควบคุมธุรกิจสำคัญในเกาหลีใต้
ซอง วอน-คุน (Song Won-keun) ศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ประจำมหาวิทยาลัยแห่งชาติคย็องซัง (Gyeongsang National University) แสดงความเห็นว่า “นี่เป็นการเลือกปฏิบัติอย่างไม่ต้องสงสัยโดยเฉพาะยังมีการไต่สวนในคดีอื่นยังคงดำเนินการอยู่”
เอเอฟพีรายงานว่า อ้างอิงจากตัวเลขกระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ พบว่า มีราว 0.3% ของผู้ต้องขังทั้งหมดที่ถูกปล่อยตัวด้วยเงื่อนไขทัณฑ์บนระหว่างปี 2011-ปี 2020 รับโทษน้อยกว่า 70% ของจำนวนโทษจำคุกทั้งหมด
แต่ทว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงกฎใหม่โดยได้มีการเริ่มต้นบังคับใช้ในเดือนนี้โดยมีการลดสัดส่วนของการจำคุกนักโทษต้องรับการจำคุกก่อนที่จะสามารถมีสิทธิสำหรับการได้ปล่อยตัวก่อนกำหนดสูงสุดถึง 60%
ทั้งนี้ ลีออกมาให้คำมั่นในปีที่ผ่านมาว่าจะไม่มีการส่งต่ออำนาจการบริหารของตำแหน่งเขาให้ลูกๆ
โพลที่ทำการสำรวจแสดงให้เห็นว่า มีจำนวนผู้สนับสนุนเพิ่มมากขึ้นในเกาหลีใต้ต้องการให้ลีได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระก่อนกำหนด
ทั้งนี้ ที่สำคัญศาสตราจารย์ด้านเกาหลีศึกษา วลาดิมีร์ ทิคโฮนอฟ (Vladimir Tikhonov) ประจำมหาวิทยาลัยออสโล แสดงความเห็นว่า การปล่อยตัวทายาทซัมซุงดูไม่เหมือนกระบวนการตามปกติของการบังคับใช้กฎหมายเกาหลีใต้ พร้อมกับชี้ว่า "ความมั่งคั่งของลี" ถือเป็นปัจจัยในการที่เขาได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระก่อนกำหนด