xs
xsm
sm
md
lg

‘อินโดนีเซีย’ เสียชีวิตจากโควิดทะลุ ‘1 แสนคน’ แล้ว ด้าน ‘จีน’ เพิ่มเข้มงวดพลเมืองเดินทางไปต่างประเทศ นิวยอร์กซิตีบังคับแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนก่อนเข้าร้านอาหาร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สตรีผู้หนึ่งเข้าฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของซิโนแวค ณ สถานที่ฉีดซึ่งจัดขึ้นที่กองบัญชาการทหารภูมิภาค ประจา รัคซาคา อุดะยานะ ในเมืองเดนบาซาร์ บนเกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย วันพุธ (4 ส.ค.)
อินโดนีเซียมาถึงหลักหมายอันไม่น่ายินดีในวันพุธ (4 ส.ค.) เมื่อจำนวนผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 พุ่งทะลุหลัก 1 แสนคน ขณะที่จีนเพิ่มมาตรการจำกัดพลเมืองของตนเดินทางไปต่างประเทศเพื่อควบคุมเคสคนติดเชื้อที่กำลังเพิ่มขึ้น ซึ่งถึงแม้ยังคงอยู่ในระดับหลักสิบ แต่ก็ถือเป็นจำนวนสูงที่สุดรอบหลายๆ เดือน ด้านมาเก๊าเจริญรอยตามแผ่นดินใหญ่ สั่งตรวจประชาชนทั้งหมด หลังพบผู้ติดเชื้อครั้งแรกในรอบกว่า 16 เดือน สำหรับนิวยอร์กซิตีกลายเป็นเมืองใหญ่แห่งแรกในอเมริกาที่บังคับให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนก่อนเข้าสู่พื้นที่สาธารณะบางแห่ง เช่น ร้านอาหาร

ทางการอินโดนีเซียรายงานในวันพุธว่า มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 1,747 คน ทำให้จำนวนรวมกลายเป็น 100,636 คน

ประเทศใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งนี้ รายงานว่ามีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 3.5 ล้านคน แต่เป็นที่เชื่อกันอย่างกว้างขวางว่านี่เป็นตัวเลขที่ต่ำกว่าความเป็นจริง เนื่องจากแดนอิเหนาไม่ได้มีการรณรงค์ตรวจหาเชื้ออย่างกว้างขวาง

เหมือนๆ กับประเทศจำนวนมากเวลานี้ เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังเล่นงานอินโดนีเซียหนักหน่วงที่สุดคือตัวกลายพันธุ์เดลตา โดยที่ปัจจุบันตรวจพบในภูมิภาคต่างๆ ของแดนอิเหนาถึงสิบกว่าภูมิภาค หลังจากเพิ่งพบครั้งแรกในชาติหมู่เกาะแห่งนี้เมื่อเดือนมิถุนายน

เวลานี้มีชาวอินโดนีเซียหลายสิบคนกำลังเสียชีวิตที่บ้าน เนื่องจากไม่สามารถเข้าถึงโรงพยาบาล และกระทั่งไม่ได้รับออกซิเจนทางการแพทย์เพื่อบรรเทาอาการ เนื่องจากสถานบำบัดรักษาต่างๆ อยู่ในสภาพแออัดเต็มเหยียด

ส่วนที่จีน ทางการตรวจคนเข้าเมืองประกาศในวันพุธ (4) ว่าจะหยุดออกหนังสือเดินทางแบบธรรมดาตลอดจนเอกสารอื่นๆ ซึ่งจำเป็นต้องใช้สำหรับการออกนอกประเทศ ในกรณีที่ “ไม่จำเป็นและไม่เร่งด่วน”

กระนั้น นี่ไม่ได้หมายความว่าจะห้ามสาธารณชนชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศไปเสียทั้งหมด โดยที่ทางการตรวจคนเข้าเมืองของจีนแถลงข่าวว่า สำหรับผู้ที่ “มีความจำเป็นจริงๆ ในเรื่องการไปศึกษา การจ้างงาน และธุรกิจในต่างประเทศ” ทางการยังจะออกหนังสือเดินทางหรือเอกสารที่จำเป็นให้ภายหลังผ่านการตรวจสอบแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง รัฐบาลส่วนกลางของจีนยังสั่งให้ท้องที่ต่างๆ หยุดไม่ให้พาหนะขนส่งสาธารณะและรถแท็กซี่เข้าและออกบริเวณต่างๆ ซึ่งเกิดการระบาด ทั้งนี้ตามการแถลงข่าวของกระทรวงคมนาคม

ส่วนรัฐบาลท้องถิ่นในหลายเมืองของจีนระดมตรวจประชาชนทั้งหมดและล็อกดาวน์ โดยในวันพุธ (4) มีการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อใหม่ 71 คน ซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดนับจากเดือนมกราคม โดยที่การระบาดอยู่ในลักษณะกระจายไปยังเมืองต่างๆ นับสิบแห่ง

ที่เมืองอู่ฮั่น ซึ่งไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แพร่ระบาดอย่รางกว้างขวางเป็นที่แรกของโลกเมื่อสิ้นปี 2019 ในสัปดาห์นี้ได้พบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกในรอบเวลามากกว่า 1 ปี ทำให้รัฐบาลสั่งปูพรมตรวจประชาชนทั้งหมด 11 ล้านคนตั้งแต่วันอังคาร (3) เช่นเดียวกับในอีกหลายเมืองทั่วประเทศที่นอกจากเร่งตรวจหาผู้ติดเชื้อและผู้สัมผัสโรคแล้ว ยังออกมาตรการปิดเมือง ลดเที่ยวบิน รวมถึงฟื้นมาตรการอื่นๆ กลับมาบังคับใช้เพื่อจัดการการระบาดซึ่งเชื่อว่า ส่วนใหญ่เกิดจากไวรัสสายพันธุ์เดลตา

สำหรับที่มาเก๊า ซึ่งมีฐานะเป็นเขตบริหารพิเศษอีกเขตหนึ่งของจีน รัฐบาลที่นั่นประกาศเมื่อวันพุธบังคับตรวจประชาชนทั้งหมด หลังพบครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 4 คนติดโควิดสายพันธุ์เดลตา และทำให้สถิติการปลอดไวรัสนานถึง 491 วันของเขตปกครองนี้สิ้นสุดลง

เจ้าหน้าที่กำลังสอบสวนว่า บุตรสาวของครอบครัวดังกล่าวติดโควิดจากเที่ยวบินจูไห่-ซีอานในจีนหรือไม่ เนื่องจากในเที่ยวบินดังกล่าวมีผู้โดยสาร 2 คนที่ติดเชื้อมาจากหนานจิง ซึ่งเป็นศูนย์กลางการระบาดของสายพันธุ์เดลตาในจีนในขณะนี้

ทางการมาเก๊าเตรียมตรวจประชาชนทั้งหมด 680,000 คนให้แล้วเสร็จภายใน 3 วันนับจากวันพุธ โดยจัดศูนย์ตรวจทั้งหมด 41 แห่ง และการตรวจหาผู้ติดเชื้อเป็นหนึ่งในชุดมาตรการใหม่เพื่อควบคุมการระบาด ซึ่งรวมถึงการใช้แอปสุขภาพของจีนในการจัดระดับความเสี่ยงของการระบาด ติดตามความเคลื่อนไหวของประชาชน รวมทั้งจัดทำบันทึกประวัติการตรวจและการฉีดวัคซีน

ทางด้านสหรัฐฯ บิลล์ เดอ บลาสิโอ นายกเทศมนตรีนครนิวยอร์ก ประกาศเมื่อวันอังคารกำหนดให้ประชาชนแสดงหลักฐานการฉีดวัคซีนหรือ “คีย์ ทู เอ็นวายซี” ก่อนเข้าสู่สถานที่ที่อยู่ในอาคาร เช่น ร้านอาหาร ฟิตเนส โรงภาพยนตร์ และโรงละคร โดยมาตรการนี้จะเริ่มต้นนับจากวันที่ 16 ที่จะถึงนี้ ซึ่งจะเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านก่อนบังคับใช้จริงในอีก 1 เดือนถัดไป

ในวันจันทร์ที่ผ่านมา อเมริกาเพิ่งฉีดวัคซีนได้ตามเป้าหมายที่คณะบริหารของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ตั้งเป้าไว้คือ ประชากรวัยผู้ใหญ่อย่างน้อย 70% ได้รับวัคซีน แม้ช้ากว่ากำหนดไปหนึ่งเดือนก็ตาม

เจ้าหน้าที่คณะบริหารชี้ว่า สาเหตุมาจากอัตราการฉีดวัคซีนที่ลดฮวบลง ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อในอเมริกากลับมาพุ่งทะยานขึ้นอีกครั้ง โดยเจฟฟ์ ไซเอนต์ส ผู้ประสานงานทีมเฉพาะกิจโควิด-19 ของทำเนียบขาว ระบุว่า สถานการณ์การระบาดกระจุกอยู่ในชุมชนที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ

อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนั้น ทำเนียบขาวแถลงว่า อเมริกาได้แจกจ่ายวัคซีนโควิดให้ประเทศต่างๆ แล้วกว่า 100 ล้านโดส มากกว่าการบริจาคของประเทศอื่นๆ ทั้งหมดรวมกัน และย้ำว่า นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความพยายามของอเมริกาในการช่วยโลกต่อสู้วิกฤตไวรัส โดยปลายเดือนนี้จะจัดส่งวัคซีนไฟเซอร์อีก 500 ล้านโดสให้ประเทศรายได้ต่ำ 100 แห่ง

ขณะเดียวกัน หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทมส์รายงานเมื่อวันอังคารว่า คณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) กำหนดเส้นตายอย่างไม่เป็นทางการในการอนุมัติการใช้วัคซีนไฟเซอร์อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 6 กันยายนหรือเร็วกว่านั้น

ปัจจุบัน วัคซีนไฟเซอร์ได้รับอนุมัติให้ใช้เป็นกรณีฉุกเฉินเช่นเดียวกับวัคซีนโมเดอร์นาและจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน

คาดกันว่า การอนุมัติวัคซีนไฟเซอร์อย่างสมบูรณ์จะโน้มน้าวให้คนอเมริกันที่ยังลังเล มีความมั่นใจในการเข้ารับวัคซีนมากขึ้น ขณะที่ไวรัสสายพันธุ์เดลตากำลังระบาดหนักทั่วประเทศ และทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมาเพิ่มเป็น 84,389 คน ณ วันที่ 2 ที่ผ่านมา

อนึ่ง จากข้อมูลล่าสุด มีชาวอเมริกันราว 192 ล้านคนฉีดวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม หรือเท่ากับ 58% ของประชากรทั้งหมด

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)

ผู้จัดส่งอาหารและพัสดุภัณฑ์ต่างๆ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ปรากฏตัวอย่างหนาตา ตรงบริเวณทางเข้ากลุ่มอาคารที่พักอาศัยแห่งหนึ่งในเขตหวังจิ่ง ของกรุงปักกิ่งเมื่อวันพุธ (4 ส.ค.)  กลุ่มอาคารนี้เป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งถูกประกาศใช้มาตรการล็อกดาวน์เข้มงวด

แผ่นป้ายระบุให้ต้องใส่หน้ากากจึงจะเข้าไปในสถานที่ต่างๆ ได้ ถูกติดเอาไว้ทั่วมหาวิทยาลัยแจ็กสันสเตท ในเมืองแจ็กสัน รัฐมิสซิสซิปปี ดังภาพนี้ซึ่งถ่ายเมื่อวันอังคาร (3 ส.ค.)  ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศูนย์เพื่อการควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) ได้กลับมาแนะนำให้สวมหน้ากากขณะอยู่ในอาคารที่เป็นพื้นที่สาธารณะ  สำหรับผู้อยู่พื้นที่ซึ่งมีการระบาดหนาแน่นและพื้นที่ซึ่งการระบาดอยู่ในอัตราสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น