ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส เมื่อวันอาทิตย์ (25 ก.ค.) โต้แย้งคนที่ปฏิเสธฉีดวัคซีนโควิด-19 ว่าไม่ใช่เรื่องของ "เสรีภาพ" แต่มันเป็นการแพร่เชื้อและคร่าชีวิตผู้อื่นผ่านความเห็นแก่ตัวและไร้ความรับผิดชอบของพวกต่อต้านวัคซีนที่ติดเชื้อ
มาครงกล่าวระหว่างเยือนเฟรนช์โปลินีเซีย ว่าทุกคนมีเสรีภาพในการแสดงออก แต่สิ่งเหล่านั้นจะเป็นเสรีภาพก็ต่อเมื่อมันไม่ส่งผลกระทบต่อคนอื่นๆ
ประธานาธิบดีฝรั่งเศสโต้แย้งว่าเสรีภาพต้องอยู่บนสำนึกหน้าที่ซึ่งกันและกัน ไม่เห็นแก่ตัว พร้อมยกตัวอย่างคนไข้รายหนึ่งในโรงพยาบาลอาจได้รับการดูแลใส่ใจจากแพทย์น้อยลง เนื่องจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ต้องไปช่วยผู้ติดเชื้อรายอื่นที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน
"มันไม่ใช่เสรีภาพ มันเรียกว่าขาดความรับผิดชอบ เห็นแก่ตัว" มาครงกล่าว ในการส่งสารอย่างแข็งกร้าวเรียกร้องทุกคนให้เข้าฉีดวัคซีน
ความเคลื่อนไหวของมาครง มีขึ้นหลังจากประชาชนหลายแสนคนออกมาเดินขบวนทั่วฝรั่งเศส ประท้วงการตัดสินใจของรัฐบาลในกำหนดใช้บัตรรับรองสุขภาพสำหรับประชาชน หรือพาสปอร์ตวัคซีน และบังคับฉีดวัคซีนสำหรับบางอาชีพในสัปดาห์นี้ ในขณะที่พาสปอร์ตวัคซีนนี้จะห้ามประชาชนเข้าไปยังร้านอาหาร บาร์ พิพิธภัณฑ์และอื่นๆ หากว่าบุคคลนั้นไม่สามารถมอบหลักฐานว่าฉีดวัคซีนแล้วหรือมีผลตรวจโควิด-19 เมื่อเร็วๆ นี้เป็นลบ
นอกจากในฝรั่งเศสแล้ว ยังมีการประท้วงใหญ่คล้ายกันต่อต้านพาสปอร์ตวัคซีนและข้อจำกัดล็อกดาวน์ทั้งในสหราชอาณาจักร อิตาลีและออสเตรเลีย
พวกผู้ประท้วงในลอนดอนชูป้ายข้อความว่า "ไม่เอาบังคับตรวจเชื้อ" และ "ไม่เอาบังคับฉีดวัคซีน" ระหว่างการชุมนุมที่ใช้ชื่อว่า "ขบวนแห่งสันติภาพ" ซึ่งมีผู้คนเข้าร่วมหลายพันคนเมื่อวันเสาร์ (24 ก.ค.) หลังจากนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน แถลงเมื่อวันจันทร์ที่แล้ว ว่าเร็วๆ นี้จะมีการบังคับแสดงหลักฐานฉีดวัคซีนก่อนเข้าไปในไนต์คลับและสถานที่อื่นๆ
หลังจากมีข่าวว่าอิตาลีมีแผนใช้ระบบพาสปอร์ตวัคซีนเช่นกัน พวกผู้ประท้วงชาวอิตาลีหลายพันคนเดินขบวนทั่วประเทศ ในนั้นรวมถึงกรุงโรมและตูริน บางส่วนเปรียบเทียบกับนายกรัฐมนตรีมาริโอ ดรากิ ว่าเป็น อดอล์ฟ ฮิตเลอร์
แม้ระบบพาสปอร์ตวัคซีนยังไม่ได้บังคับใช้ในออสเตรเลีย แต่มีผู้ประท้วงหลายพันคนรวมตัวกันบนท้องถนนของเมืองซิดนีย์ในวันเสาร์ (24 ก.ค.) ในความเคลื่อนไหวต่อต้านข้อจำกัดล็อกดาวน์อันเข้มงวดของเมือง
(ที่มา : รัสเซียทูเดย์)