พวกผู้ประท้วงโจมตีสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่งของไซปรัสและจุดไฟเผารถยนต์บริเวณด้านนอกสถานี ในกรุงนิโคเซีย เมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ (18 ก.ค.) ระหว่างการประท้วงต่อต้านการฉีดวัคซีนและมาตรการสกัดโควิด-19
ตำรวจยืนยันเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น ณ สถานีโทรทัศน์ซิกมา และเผยว่า ก่อนหน้านั้นมีการประท้วงของประชาชนประมาณ 5,000 คนบริเวณด้านนอกทำเนียบประธานาธิบดี ต่อต้านมาตรการ "Safepass (ผ่านอย่างปลอดภัย)" และ "บีบบังคับ" ฉีดวัคซีน ก่อนที่ในช่วงท้ายของการประท้วง ผู้ชุมนุมบางส่วนราวๆ 2,500 คน จะเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังอาคารสถานีโทรทัศน์ซิกมา
สถานีโทรทัศน์ซิกามารายงานว่า "การโจมตีขี้ขลาดตาขาวเกิดขึ้นเมื่อค่ำคืนวันอาทิตย์ บริเวณด้านนอกสำนักงานใหญ่ของเรา ในกรุงนิโคเซีย สำนักงานใหญ่ของเราโดนโจมตีด้วยฝูงม็อบที่ปาประทัดและก่อความเสียหายแก่รถของเรา"
ผู้สื่อข่าวของเอเอฟพีรายงานพบเห็นประชาชนหลายพันคนอยู่ในพื้นที่ใกล้สถานีโทรทัศน์ซิกมา ในกรุงนิโคเซีย ถือป้ายข้อความต่อต้าน Safepass ซึ่งมีผลบังคับใช้ในไซปรัสในช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา
ส่วนผู้สื่อข่าวอีกคนพบเห็นบานกระจกแตกรอบๆ อาคาร หน้าต่างหลายบานพังและรถยนต์ 4 คันได้รับความเสียหายแตกต่างกันออกไป ในนั้นคันหนึ่งอยู่ในสภาพไหม้เหลือแต่ซาก
ยังไม่มีรายงานเกี่ยวกับการจับกุมหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่ประธนาธิบดีนีโกส อานัสตาซีอาดิส เรียกความรุนแรงครั้งนี้ว่า "ก่อความเสียหายแก่ประชาธิปไตย" และประกาศว่ารัฐบาลจะไม่ยอมจำนนต่อการข่มขู่และขู่กรรโชกใดๆ "เจ้าหน้าที่จะไล่ล่าพวกที่ทำผิดกฎหมายอย่างเต็มกำลัง"
ซิกมารายงานว่า ตำรวจได้เข้าไปในตัวอาคารเพื่อปกป้องพนักงานที่กำลังทำงานอยู่ภายใน
สถานีโทรทัศน์แห่งนี้ถูกมองว่ามีจุดยืนแข็งกร้าวต่อต้านฝ่ายรณรงค์ไม่เอาวัคซีน และเคยตกเป็นเป้าหมายเล่นงานของการประท้วงต่อต้านมาตรการสกัดไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คราวก่อนๆ มาแล้วหลายครั้ง
เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ไซปรัสเปิดตัวมาตรการ Safepass ซึ่งจะอนุญาตให้เฉพาะคนฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว เข้าห้างซูเปอร์มาร์เกต ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารและธุรกิจอื่นๆ
นอกจากนี้แล้วพวกเขายังขยายโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ครอบคลุมถึงเยาวชนอายุ 16 และ 17 ปี หลังเกิดการแพร่ระบาดระลอกใหม่ และยกระดับโน้มน้าววัยรุ่นให้ฉีดวัคซีน
จนถึงตอนนี้ ไซปรัสพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วกว่า 90,000 คน และเสียชีวิต 384 ราย
(ที่มา : เอเอฟพี)
