ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) ปกป้องอย่างหนักแน่นต่อการตัดสินใจถอนกำลังทหารอเมริกาออกจากอัฟกานิสถาน ระบุว่า ประชาชนชาวอัฟกันควรได้ตัดสินอนาคตของตนเอง แทนที่ต้องมาเสียสละชีวิตอเมริกันชนรุ่นแล้วรุ่นเล่าในสงครามที่เอาชนะไม่ได้
ไบเดน กล่าวในทำเนียบขาว ว่า ทหารอัฟกานิสถานมีศักยภาพขับไล่พวกตอลิบาน กลุ่มนักรบที่จู่โจมรุกคืบในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพิ่มความกังวลว่าประเทศแห่งนี้จะดำดิ่งเข้าสู่สงครามกลางเมือง
ผู้นำสหรัฐฯ วางกรอบเป้าหมายถอนกองกำลังสหรัฐฯ ชุดสุดท้ายออกจากอัฟกานิสถานในวันที่ 31 สิงหาคม โดยจะเหลือทหารทิ้งไว้เพียงราวๆ 650 นาย สำหรับทำหน้าที่คอยดูแลความปลอดภัยแก่สถานทูตอเมริกาในกรุงคาบูล
ไบเดน กล่าวว่า สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จมานานแล้วในเหตุผลดั้งเดิมของการรุกรานอัฟกานิสถานในปี 2001 ซึ่งมีเป้าหมายขุดรากถอนโคนพวกนักรบอัลกออิดะห์และป้องกันการโจมตีสหรัฐฯ อีกครั้ง อย่างเช่นโศกนากฏรรม 9/11 ขณะที่อุซามะห์ บินลาดิน ผู้บงการเหตุโจมตีดังกล่าวก็ถูกหน่วยทหารของอเมริกาปลิดชีพไปตั้งแต่ปี 2011
"การสู้รบอีกปีในอัฟกานิสถานไม่ใช่ทางออก" ไบเดนระบุ "แต่มันจะเป็นตำรับสำหรับการสู้รบที่ไม่รู้จบ เราบรรลุเป้าหมายต่างๆ เหล่านั้นแล้ว ทำไมเราต้องเดินหน้าต่อ เราไม่ได้ไปอัฟกานิสถานเพื่อสร้างประเทศ และมันเป็นสิทธิและหน้าที่ความรับผิดชอบของประชาชนชาวอัฟกานิสถานที่ต้องตัดสินอนาคตของตนเองและหนทางที่พวกเขาต้องการเห็นประเทศของพวกเขาเดินหน้า"
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ยังได้เรียกร้องให้ประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเข้าช่วยเหลือเพื่อหาทางออกทางการเมืองระหว่างคู่สงคราม และเขาบอกว่ารัฐบาลอัฟกานิสถานควรตกลงกับตอลิบาน สำหรับเปิดทางให้ทั้งสองฝ่ายอยู่ร่วมกันอย่างสันติ
"ทางเดียวที่จะเกิดสันติภาพและความมั่นคงในอัฟกานิสถาน คือ พวกเขาต้องก่อข้อตกลงชั่วคราวกับตอลิบาน แต่ความเป็นไปได้ที่จะเป็นการจัดตั้งรัฐบาลร่วมในอัฟกานิสถาน เพื่อควบคุมทั้งประเทศนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้" ไบเดน กล่าว
ถ้อยแถลงครั้งนี้ถือเป็นความเห็นที่ครอบคลุมที่สุดจนถึงตอนนี้ของไบเดน เกี่ยวกับการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน หลังจากก่อนหน้านี้ เขาถูกกดดันจากฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ที่อยากให้เขาชี้แจงเพิ่มเติมเกี่ยวกับการตัดสินใจถอนทหาร
ไบเดน เผยว่า สหรัฐฯ มีแผนเคลื่อนย้ายล่ามชาวอัฟกานิสถานหลายพันคนออกนอกประเทศ หลังจากอเมริกาสิ้นสุดภารกิจด้านการทหารในอัฟกานิสถาน ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงรายหนึ่งของรัฐบาลเผยว่า ล่ามเหล่านั้นจะถูกย้ายไปยังประเทศที่ 3 และสามารถยื่นขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ เวลานี้อยู่ระหว่างหาประเทศที่เหมาะสม ในนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเกาะกวม กาตาร์ หรือไม่ก็สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้ว สหรัฐฯ ถอนทหารออกจากฐานทัพอากาศบากรัม ฐานที่มั่นสำคัญในปฏิบัติการทางทหารต่างๆ ของกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน หลังปักหลักอยู่ที่ฐานทัพแห่งนี้มาอย่างยาวนาน ผลก็คือสงครามที่ยืดเยื้อยาวนานของอเมริกาใกล้ถึงจุดสิ้นสุด ขณะที่เพนตากอนบอกว่าปฏิบัติการถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถาน เสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 90%
วอชิงตันตกลงถอนทหารในข้อตกลงหนึ่งที่บรรลุการเจรจากันเมื่อปีที่แล้ว ภายใต้รัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และในส่วนของไบเดน เขาปฏิเสธข้อเรียกร้องของบรรดาผู้นำกองทัพที่ต้องการให้คงกำลังพลจำนวนมากเอาไว้เพื่อช่วยเหลือกองกำลังความมั่นคงอัฟกานิสถานและปกป้องชาวอัฟกานิสถานจากกลุ่มหัวรุนแรงต่างๆ
คำสั่งของไบเดนในเดือนเมษายน ที่ให้สหรัฐฯ ถอนทหารออกมาภายในวันที่ 11 กันยายน หรือครบรอบ 20 ปีแห่งความขัดแย้ง เกิดขึ้นพร้อมๆ กับที่พวกนักรบตอลิบานจู่โจมรุกคืบครั้งใหญ่เหนือกองกำลังอัฟกานิสถาน หลังการเจรจาสันติภาพหยุดชะงักลงไป
ในวันพฤหัสบดี (8 ก.ค.) พวกตอลิบานบุกยึดเขตแห่งหนึ่งในทางตะวันตกของอัฟกานิสถานเพิ่มเติม ในนั้นรวมถึงจุดข้ามพรมแดนหลักที่ติดกับอิหร่าน นักรบอิสลามิสต์กลุ่มนี้ยังคงเดินหน้ารุกคืบอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พวกเขาสามารถบุดยึดพื้นที่ต่างๆ ที่มีเขตแดนติดกับ 5 ประเทศ ประกอบไปด้วย อิหร่าน ทาจิกิสถาน เติร์กเมนิสถาน จีน และปากีสถาน
นายพลออสติน มิลเลอร์ ผู้บัญชาการทหารสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน เตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ประเทศแห่งนี้อาจมุ่งหน้าสู่สงครามกลางเมือง ส่วนแหล่งข่าวรัฐบาลสหรัฐฯ เผยว่า ประชาคมข่าวกรองของอเมริกาเชื่อว่ากองทัพอัฟกานิสถานนั้นอ่อนแอ และแนวโน้มการอยู่รอดของรัฐบาลคาบูลในระยะสั้นนั้นดูไม่ดีนัก
(ที่มา : รอยเตอร์)