รัฐบาลสหราชอาณาจักรจะสืบสวนว่า ภาพ แมตต์ แฮนค็อค อดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข กอดและจูบอย่างดูดดื่มกับผู้ช่วยสาวรายหนึ่ง หลุดถึงสื่อมวลชนได้อย่างไร จนเป็นเหตุให้เขาต้องลาออกจากตำแหน่ง ในเรื่องอื้อฉาวล่าสุดที่ส่งผลกระทบกับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน
ในตอนแรกจอห์นสันปฏิเสธไล่แฮนค็อคออกจากตำแหน่งหรือเรียกร้องให้เขาลาออก หลังปรากฏภาพที่เขากำลังจูบและโอบกอดผู้ช่วยสาวที่เขาแต่งตั้งให้เข้ามารับบทบาทตรวจสอบการทำงานของกระทรวงสาธารณสุข กินเงินเดือนที่มาจากภาษีประชาชน อย่างไรก็ตาม ท้ายที่สุดแล้ว นายกรัฐมนตรีก็ตอบรับการลาออกของเขาเมื่อวันเสาร์ (26 มิ.ย.) ที่ผ่านมา
การลาออกของแฮนค็อค ดึงดูดความสนใจหวนคืนสู่แนวทางรับมือโรคระบาดใหญ่โควิด-19 ของรัฐบาลที่นำโดย แฮนค็อค ซึ่งในช่วงแรกๆ ประสบปัญหาติดขัดเกี่ยวกับการตรวจเชื้อและขาดแคลนอุปกรณ์ป้องกัน ในขณะที่สหราชอาณาจักรเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อย่างเป็นทางการ สูงที่สุดชาติหนึ่งของโลก
เมื่อถูกถามว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขจะทำการสืบสวนเกี่ยวกับภาพถ่ายของแฮนค็อคกับผู้ช่วยสาวหรือไม่ เนื่องจากมันถูกบันทึกภาพในสำนักงานของแฮนค็อคเอง ก่อนหลุดถึงมือสื่อมวลชน ในเรื่องนี้ แบรนดอน ลูอิส รัฐมนตรีกิจการไอร์แลนด์เหนือ บอกกับสกายนิวส์ว่า “ประเด็นนี้ เท่าที่ผมรู้ก้คือกระทรวงสาธารณสุขจะทำการตรวจสอบเพื่อทำความเข้าใจว่าบันทึกภาพดังกล่าวหลุดออกจากระบบได้อย่างไร”
ต่อมาเขาให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยาไทม์สเรดิโอ ว่า มี 2 ประเด็นที่รัฐบาลจะทำการตรวจสอบ ประกอบด้วยกล้องวงจรปิดในสำนักงานของแฮนค็อคถูกติดตั้งอย่างเหมาะสมหรือไม่ และถ้ามันเป็นเหตุผลด้านความมั่นคง “วิดีโอนี้หลุดสู่สาธารณะได้อย่างไร”
หนังสือพิมพ์เดอะซันในวันศุกร์ (25 มิ.ย.) เผยแพร่ภาพ แฮนค็อค โอบกอดและจูบอย่างดูดดื่มผู้ช่วยสาวเมื่อเดือนที่แล้ว ในช่วงเวลาที่กรอบคำแนะนำไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของประเทศ ห้ามประชาชนโอบกอดผู้อื่นที่ไม่ใช่สมาชิกในครอบครัว นอกจากนี้ สื่อแห่งนี้ยังโพสต์ภาพวิดีโอดังกล่าวด้วย
หลังภาพถูกเผยแพร่ต่อสาธารณชน สมาชิกรัฐสภาเพื่อนร่วมพรรคคอนเซอร์เวทีฟของแฮนค็อคหลายคน ต่างเรียกร้องลับๆ ขอให้เขาลาออกจากตำแหน่ง โดยบอกว่าไม่อาจสนับสนุนเขาอีกต่อไป หลังจากแฮนค็อคละเมิดข้อบังคับสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่เขาเป็นคนกำหนดเสียเอง
ทั้งนี้ ในส่วนของ จอห์นสัน เองก็เผชิญกับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องอื้อฉาวต่างๆ นานา ในนั้นรวมถึงการทำเงินหลวงไปปรับปรุงตกแต่งอพาร์ตเมนต์ และกรณีออกโรงปกป้อง โดมินิค คัมมิงส์ หัวหน้าคณะที่ปรึกษาคนสนิทของตนเอง จากการละเมิดมาตรการล็อกดาวน์ เมื่อปีที่แล้ว
เมื่อเดือนมีนาคมปีที่แล้ว คัมมิงส์ ขับรถระยะทาง 418 กิโลเมตร ออกจากกรุงลอนดอนไปยังเมืองเดอรัม หลังจากเขาและภรรยาติดโควิด-19 ทั้งที่ช่วงนั้นรัฐบาลยังประกาศใช้มาตรการจำกัดการเดินทางอย่างเข้มงวด
แม้ คัมมิงส์ ถูกตำหนิอย่างรุนแรงจากสังคม แต่นายกรัฐมนตรี จอห์นสัน กลับแก้ต่างให้ที่ปรึกษาของเขา ซึ่งปัจจุบันได้พ้นจากตำแหน่งแล้ว โดยชี้ว่า คัมมิงส์ “ไม่มีทางเลือก” นอกจากต้องเดินทางเช่นนั้น
ในส่วนของแฮนค็อคนั้น แม้นายกรัฐมนตรีรายนี้จะยอมรับการลาออกของเขาในวันเสาร์ (26 มิ.ย.) แต่ก็บ่งชี้ว่าแฮนค็อคอาจกลับสู่บทบาททางการเมืองระดับสูงในอนาคต
พรรคเลเบอร์ พรรคฝ่ายค้านหลักของสหราชอาณาจักร ตั้งคำถามต่างๆ นานาเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของแฮนค็อค ในนั้นรวมถึงข้อสงสัยที่ว่าอดีตรัฐมนตรีรายนี้ได้ทำลายกฎระเบียบต่างๆ ของรัฐบาลไปแล้วหรือไม่ “หากใครคิดว่าการลาออกของ แมตต์ แฮนค็อค คือจุดจบของปัญหา ผมคิดว่าพวกเขาคิดผิด” เคียร์ สตาเมอร์ ผู้นำพรรคเลเบอร์บอกกับผู้สื่อข่าว
“นายกรัฐมนตรีควรไล่เขาออกมากกว่า เป็นอีกครั้งที่ บอริส จอห์นสัน ดำเนินการล่าช้าเกินไป อ่อนแอเกินไปและไม่ได้แสดงความเป็นผู้นำที่จำเป็น เมื่อประชาชนจำนวนมากที่เสียสละใหญ่หลวงระหว่างโรคระบาดใหญ่ได้มาเห็นสิ่งนี้ พวกเขาได้เห็นกฎระเบียบระหว่างพวกเขาและบุคคลที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลถูกบังคับใช้ต่างกัน”
(ที่มา: รอยเตอร์/เดอะซัน)