xs
xsm
sm
md
lg

นักไวรัสวิทยายัง‘กังขา’ เรียกร้องให้หาข้อมูลเพิ่ม หลังสาธารณสุขอินเดียฟันธง ‘เดลตาพลัส’ตัวกลายพันธุ์ใหม่ ‘น่ากังวล’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นักไวรัสวิทยาจำนวนมากไม่เห็นด้วยกับการฟันธงของทางการอินเดียว่า “เดลตาพลัส”เป็น “สายพันธุ์ที่น่ากังวล” แนะตอนนี้ควรรวบรวมข้อมูลให้เพียงพอว่า ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้สามารถหลบเลี่ยงภูมิต้านทานจากวัคซีนชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้ได้หรือไม่ รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการแพร่เชื้อและเพิ่มความยากลำบากในการตรวจพบการติดเชื้อด้วยวิธีทดสอบปกติได้ขนาดไหน

กระทรวงสาธารณสุขอินเดียแถลงเมื่อวันอังคาร (22 มิ.ย.) ว่า ผลการศึกษาที่ออกมาหลายๆ ชิ้น แสดงให้เห็นว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์เดลตาพลัส หรือ AY.1 ยกระดับจาก “สายพันธุ์ที่น่าจับตามอง” เป็น “สายพันธุ์ที่ต้องกังวล” แล้ว เนื่องจากพบว่า ระบาดและเกาะติดเซลล์ปอดได้ง่ายขึ้น และมีศักยภาพในการต้านทานการรักษาด้วยแอนติบอดีชนิดโมโนโคลน

เดลตาพลัสนั้นมีความเชื่อมโยงกับเดลตา ซึ่งเป็นสายพันธุ์กลายพันธุ์ที่พบครั้งแรกในอินเดียเมื่อปีที่แล้ว และเวลานี้องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดให้ตัวกลายพันธุ์ที่น่ากังวล อีกทั้งเชื่อกันว่าเป็นต้นตอการระบาดรุนแรงระลอกสองในอินเดียช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา

กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเสริมว่า เดลตาพลัสที่พบครั้งแรกในอินเดียในเดือนเมษายน ขณะนี้พบใน 22 ตัวอย่างจาก 6 เขตใน 3 รัฐของอินเดีย ได้แก่ มหาราษฏระ เกรละ และมัธยะประเทศ โดย 16 ตัวอย่างพบในมหาราษฏระ ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐที่โควิดระบาดหนักที่สุด

นอกจากนั้นยังพบเดลตาพลัสในอีก 9 ประเทศ ได้แก่ อเมริกา อังกฤษ โปรตุเกส สวิตเซอร์แลนด์ ญี่ปุ่น โปแลนด์ เนปาล รัสเซีย และจีน เปรียบเทียบกับสายพันธุ์เดลตาที่ขณะนี้ระบาดใน 80 ประเทศทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม นักไวรัสวิทยาหลายคนตั้งคำถามกับการประกาศให้เดลตาพลัสเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล เนื่องจากยังไม่มีข้อมูลที่พิสูจน์ว่า ตัวกลายพันธุ์ล่าสุดนี้ระบาดได้ง่ายขึ้นหรือทำให้มีความรุนแรงของโรคมากขึ้นเมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์อื่นๆ

ดร.กากันดีป กัง นักไวรัสวิทยาซึ่งมีชื่อเสียงมากของอินเดีย ตั้งข้อสังเกตว่า ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอสนับสนุนการประกาศของรัฐบาลซึ่งอิงกับข้อมูลจาก 22 ตัวอย่างเท่านั้น แต่จำเป็นต้องรวบรวมข้อมูลทางชีววิทยาและข้อมูลทางคลินิกเพิ่มเติมเพื่อพิจารณาว่า เดลตาพลัสเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลจริงหรือไม่

หรืออีกนัยหนึ่งคือ อินเดียต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตัดสินว่า ตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้สามารถหลบเลี่ยงภูมิต้านทานจากวัคซีนชนิดต่างๆ ที่มีอยู่ในขณะนี้หรือจากการติดเชื้อตัวกลายพันธุ์อื่นมาก่อนได้หรือไม่

นอกจากนั้นยังต้องมีข้อมูลที่ครอบคลุมมากเพียงพอ ว่าเดลตาพลัสนั้นเพิ่มความสามารถในการแพร่เชื้อขนาดไหน เพิ่มความล้มเหลวในการวินิจฉัยขนาดไหน ซึ่งหมายถึงวิธีทดสอบที่ใช้ปกติจะไม่สามารถตรวจพบตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ได้ รวมทั้งตัวกลายพันธุ์นี้ทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นหรือไม่

ดร.กังสำทับว่า จำเป็นต้องทำการศึกษาผู้ป่วยหลายร้อยคนที่ติดเชื้อจากตัวกลายพันธุ์ใหม่นี้ และค้นหาว่า ผู้ป่วยเหล่านั้นมีความเสี่ยงมากขึ้นที่จะมีอาการรุนแรงกว่าเดลตาหรือไม่

เดลตาพลัสมีการกลายพันธุ์ที่ตำแหน่งเค417เอ็นในโปรตีนหนาม ซึ่งเป็นสิ่งที่พบในตัวกลายพันธุ์สายพันธุ์เบตาและแกมมา ที่พบครั้งแรกในแอฟริกาใต้และบราซิลตามลำดับ (สายพันธุ์เบตามีความเชื่อมโยงกับการเพิ่มขึ้นของอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตระหว่างการระบาดระลอกแรกในแอฟริกาใต้ ขณะที่เชื่อว่า แกมมาสามารถโรคระบาดได้ง่ายขึ้น)

ทางด้าน ดร.เจเรมี คามิล นักไวรัสวิทยาของศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยรัฐลุยเซียนา สหรัฐฯ ขานรับว่า จากตัวอย่างเดลตาพลัส 166 ตัวอย่างที่แชร์บนจิสเอด ซึ่งเป็นฐานข้อมูลแบบเปิดทั่วโลก ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้เชื่อว่า ตัวกลายพันธุ์นี้อันตรายกว่าเดลตา

ดร.คามิลเสริมว่า เดลตาพลัสอาจมีการติดเชื้อและการระบาดได้มากขึ้นเล็กน้อยในหมู่คนที่เคยติดเชื้อมาก่อนแล้วหรือมีภูมิคุ้มกันจากวัคซีนต่ำหรือไม่สมบูรณ์ และสำทับว่า เขาไม่คิดว่าอินเดียหรือประเทศอื่นๆ เผยแพร่หรือมีข้อมูลมากพอที่จะระบุว่า เดลตาพลัสอันตรายหรือน่ากังวลกว่าเดลตา

ส่วน ดร.อนุรักษ์ อการ์วาล จากสถาบันจีโนมิกส์และชีววิทยาเชิงบูรณาการซีเอสไออาร์ของอินเดีย ซึ่งเป็น 1 ใน 28 ห้องปฏิบัติการของอินเดียที่มีส่วนในการหาลำดับเบสของสารพันธุกรรม กล่าวว่า ทุกสายพันธุ์ของเดลตาล้วนเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวลจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะระบุว่า เดลตาพลัสเป็นสายพันธุ์ที่น่ากังวล กระนั้น ยังไม่มีตัวบ่งชี้ใดที่แสดงให้เห็นว่า ควรต้องกังวลหรือตื่นตระหนกกับตัวกลายพันธุ์นี้

(ที่มา: บีบีซี, เอเจนซีส์)




กำลังโหลดความคิดเห็น