ประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตอร์เต แห่งฟิลิปปินส์ ขู่จำคุกประชาชนที่ปฏิเสธเข้ารับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่ประเทศของเขากลายเป็นหนึ่งในชาติที่เผชิญการแพร่ระบาดเลวร้ายที่สุดในเอเชีย ด้วยพบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 1.3 ล้านคน และเสียชีวิตมากกว่า 23,000 ราย
"คุณเลือกเอา ฉีดวัคซีน หรือไม่ก็ผมจะจำคุกคุณ" ดูเดอร์เตกล่าวระหว่างปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐเมื่อวันจันทร์ (21 มิ.ย.) หลังมีรายงานพบเห็นประชาชนบางตาตามจุดฉีดวัคซีนหลายแหล่งในกรุงมะนิลา
คำขู่ของดูเตอร์เต สวนทางกับคำพูดของบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของเขา โดยแม้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขจะเร่งเร้าประชาชนให้เข้ารับวัคซีนโควิด-19 เช่นกัน แต่พวกเขายืนกรานว่ามันจะอยู่บนพื้นฐานของความสมัครใจ
"อย่าเข้าใจผมผิด นี่คือวิกฤตของประเทศ" ดูเตอร์เต กล่าว "ผมแค่โมโหชาวฟิลิปปินส์ที่ไม่เชื่อฟังรัฐบาล"
จนถึงวันที่ 20 มิถุนายน เจ้าหน้าที่ฟิลิปปินส์ฉีดวัคซีนโควิด-19 แก่ประชาชนไปแล้ว 2.1 ล้านราย ถือว่ามีความคืบหน้าที่ล่าช้ามากๆ ในเป้าหมายฉีดวัคซีนแก่ประชาชนสูงสุด 70 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 110 ล้านคนภายในสิ้นปี
ขณะเดียวกัน ดูเตอร์เต ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อการใช้แนวทางแข็งกร้าวควบคุมการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ยืนยันการตัดสินใจยังไม่อนุญาตให้สถาบันการศึกษากลับมาเปิดการเรียนการสอน
ในคำแถลงเดียวกัน ดูเตอร์เตยังใช้โอกาสนี้โวยวายศาลอาญาระหว่างประเทศ (ไอซีซี) หลังจากอัยการรายหนึ่งของไอซีซี หาทางขอคำอนุญาตจากศาลสำหรับลงมือสืบสวนเต็มรูปแบบเกี่ยวกับสงครามยาเสพติดในฟิลิปปินส์
ดูเตอร์เต ถอนฟิลิปปินส์ออกจากการเป็นสมาชิกของศาลอาญาระหว่างประเทศในเดือนมีนาคม 2018 เน้นย้ำว่า เขาจะไม่ให้ความร่วมมือกับการสืบสวน และเรียกไอซีซีว่า "ไร้สาระ"
"ทำไมผมถึงต้องแก้ต่างตนเองหรือเผชิญข้อกล่าวหาต่อหน้าคนขาว พวกคุณต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" ดูเตอร์เตกล่าว ทั้งนี้ เขาคว้าชัยในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี 2016 ภายใต้แคมเปญต่อต้านยาเสพติด ซึ่งจนถึงตอนนี้คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วหลายพันราย
กลุ่มสิทธิมนุษยชนทั้งหลายกล่าวหารัฐบาลว่าฆ่าตัดตอนพวกผู้ต้องสงสัยค้ายา แต่ดูเตอร์เตยืนยันว่าพวกคนที่ถูกสังหารนั้นล้วนแต่ใช้ความรุนแรงขัดขืนการจับกุม
(ที่มา : รอยเตอร์)