ราคาน้ำมันดิ่งเกือบ 2% และทองคำขยับลงหนักในวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.) จากดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นดอกเบี้ยเร็วที่สุดในปี 2023 ปัจจัยดังกล่าวฉุดวอลล์สตรีทปิดผสมผสาน
สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เทกซัส อินเตอร์มีเดียต หรือ ไลต์สวีตครูด งวดส่งมอบเดือนกรกฎาคม ลดลง 1.11 ดอลลาร์ ปิดที่ 71.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ด้านเบรนต์ทะเลเหนือลอนดอนงวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 1.31 ดอลลาร์ ปิดที่ 73.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ความกังวลต่ออุปสงค์ทางพลังงานหวนคืนมาอีกรอบ หลังเคสผู้ติดเชื้อใหม่โควิด-19 พุ่งสูงอีกครั้งในสหราชอาณาจักร ขณะที่ข้อวิตกเกี่ยวกับอุปทานอิหร่านกำลังหวนคืนสู่ตลาดก็เป็นอีกปัจจัยที่ฉุดราคาน้ำมันเช่นกัน
ดอลลาร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดในนับตั้งแต่เดือนเมษายน เมื่อเทียบกับตะกร้าเงิน หลังเฟดส่งสัญญาณอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดหมายไว้ ปัจจัยนี้เองฉุดให้ราคาทองคำในวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.) ปิดลบกว่า 5% โดยราคาทองคำตลาดโคเม็กซ์งวดส่งมอบเดือนสิงหาคม ลดลง 86.60 ดอลลาร์ ปิดที่ 1,774.80 ดอลลาร์ต่อออนซ์
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นสหรัฐฯปิดผสมผสานในวันพฤหัสบดี (17 มิ.ย.) ความเชื่อมั่นว่า เศรษฐกิจจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งช่วยดันนักลงทุนเข้าถือครองหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ส่งให้แนสแดคปรับขึ้น แต่ความกังวลจากคำแถลงของเฟดฉุดดาวโจนส์และเอสแอนด์พี500 ขยับลง
ดาวโจนส์ ลดลง 210.22 จุด (0.62 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 33,823.45 จุด เอสแอนด์พี ลดลง 1.84 จุด (0.04 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 4,221.86 จุด แนสแดค เพิ่มขึ้น 121.67 จุด (0.87 เปอร์เซ็นต์) ปิดที่ 14,161.35 จุด
นักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับจุดยืนของเฟด หนึ่งวันหลังจากธนาคารกลางแห่งนี้ส่งสารแข็งกร้าวผิดคาดเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งคาดการณ์ว่าอาจมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหลังโรคระบาดใหญ่เป็นครั้งแรกในปี 2023
คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอาจเกิดขึ้นในปี 2023 ซึ่งเร็วกว่าเดิมที่ได้ส่งสัญญาณในเดือนมีนาคม ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนกว่าจะถึงปี 2024 อ้างถึงแนวโน้มการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ ซึ่งประมาณการว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะเติบโตถึง 7% ในปีนี้
การส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแสดงให้เห็นว่าเฟดกำลังมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ
(ที่มา: รอยเตอร์)