ฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล ถูกปรับเงินราว 100 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 3,100 บาท) ในวันเสาร์ (12 มิ.ย.) ฐานละเมิดมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในรัฐเซาเปาลู ด้วยการไม่สวมหน้ากาก และปลุกเร้าฝูงชนจำนวนมากระหว่างร่วมขบวนมอเตอร์ไซค์กับบรรดาผู้สนับสนุน
มีจักรยานยนต์หลายพันคันเข้าร่วมขบวน "เร่งเครื่องเพื่อพระคริสต์" ในเมืองเซาเปาลู ที่นำโดยประธานาธิบดีขวาจัดรายนี้ ในขณะที่เขาสวมหมวกกันน็อกแบบเปิดหน้า แต่ไม่สวมหน้ากากป้องกันโควิด-19 ซึ่งละเมิดกฎระเบียบด้านสาธารณสุขของรัฐ
ขบวนรถจักรยานยนต์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของการเดินสายจัดการชุมนุมทั่วบราซิลของโบลโซนารู ที่กำลังเร่งเครื่องหาทางกลับสู่เก้าอี้ประธานาธิบดีอีกสมัยในศึกเลือกตั้งปีหน้า อย่างไรก็ตาม มันเป็นการขัดขืนคำเตือนล่วงหน้าของ ชูเอา โดเรีย ผู้ว่าการรัฐเซาเปาลู คู่ปรับทางการเมือง ซึ่งเคยออกมาเตือนว่าประธานาธิบดีจะถูกปรับเงินหากไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของทางรัฐ
โบลโซนารู มีปัญหากระทบกระทั่งกับโดเรียและผู้ว่าการรัฐอื่นๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เกี่ยวกับมาตรการสกัดโควิด-19 ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 485,000 รายในบราซิล มากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ
ประธานาธิบดีรายนี้มักออกมาวิพากษ์วิจารณ์มาตรการหยุดอยู่บ้านและการสวมหน้ากากอยู่เป็นประจำ อวดอ้างสรรพคุณของยาคลอโรควิน และยาไฮดรอกซีคลอโรควิน แม้ผลการศึกษาชี้ว่ายาทั้งสองไม่มีประสิทธิภาพในการต้านโควิด-19
ระหว่างปราศรัยกับฝูงชนผู้สนับสนุนจำนวนมาก โบลโซนารู แสดงจุดยืนต่อต้านการสวมหน้ากาก และบอกว่ามีแผนยกเลิกคำสั่งบังคับสวมหน้ากากกับประชาชนที่ได้รับวัคซีนต้านโควิด-19 แล้ว "ใครก็ตามที่คัดค้าน ก็คือคนที่ไม่เชื่อในวิทยาศาสตร์ ไม่มีทางที่คนฉีดวัคซีนแล้วจะสามารถแพร่เชื้อไวรัสได้" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม ในข้อเท็จจริงคือยังไม่มีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในทางวิทยาศาสตร์ว่าคนที่ฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 แล้วยังเสี่ยงแพร่เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือไม่ และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขเรียกร้องให้ประชาชนสวมหน้ากากต่อไปในสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูง
เจ้าหน้าที่ของรัฐเปิดเผยว่า พวกเขาปรับเงิน โบลโซนารู และเอดูอาร์โด ลูกชายของเขาซึ่งเป็นสมาชิกรัฐสภา รวมไปถึงทาร์ซิซิโอ โกเมส รัฐมนตรีสาธารณูปโภค สำหรับไม่สวมหน้ากากและไม่ปฏฺิบัติตามมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมระหว่างร่วมขบวนมอเตอร์ไซค์ โดยปรับเงินคนละ 552.71 เรียลบราซิล (ราว 108 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 3,300 บาท)
(ที่มา : เอเอฟพี)