ผลศึกษาของสหรัฐฯ พบผู้ฉีดวัคซีนครบสองโดส ยังมีติดเชื้อโควิด-19 อยู่ แต่จำนวนน้อยนิดแค่ 0.01% ตอกย้ำถึงประสิทธิภาพของวัคซีน นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังประกาศด้วยว่า มีประชากรวัยผู้ใหญ่เกินครึ่งฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้ว ขณะที่พวกผู้นำสหภาพยุโรปลุ้นระบบออกใบรับรองโควิดดิจิทัล และแผนการเปิดรับนักเดินทางนอกอียูที่ฉีดวัคซีนครบ จะช่วยพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของยุโรป
ในรายงานที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐฯ (ซีดีซี) เผยแพร่เมื่อวันอังคาร (25 พ.ค.) ให้รายละเอียดกรณีการติดเชื้อโควิด หรือที่รายงานเรียกว่ากรณี “ถูกทะลุทะลวงผ่าน” (breakthrough) ซึ่งตรวจพบในประชากรอเมริกัน 101 ล้านคนที่ฉีดวัคซีนครบสองโดส
การศึกษานี้จัดทำขึ้นระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึง 30 เมษายนปีนี้ ได้พบผู้ติดเชื้อจำนวน 10,262 คน ภายหลังคนเหล่านี้ได้รับวัคซีนอย่างใดอย่างหนึ่งของ 1 ใน 3 บริษัทที่ได้รับอนุมัติใช้ฉุกเฉินจากสำนักงานอาหารและยาสหรัฐฯ (เอฟดีเอ) ได้แก่ ไฟเซอร์, โมเดอร์นา และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (เจแอนด์เจ) (โดยฉีดเข็มที่ 2 แล้วในกรณีของไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ส่วนของเจแอนด์เจนั้น เป็นแบบฉีดเข็มเดียว) ครบ 14 วันหรือนานกว่านั้น
ในบรรดาผู้ติดเชื้อดังกล่าว 6,446 คน หรือ 63% เป็นผู้หญิง และอายุเฉลี่ยอยู่ที่ 58 ปี
สำหรับในกลุ่มที่ “ถูกทะลุทะลวงผ่าน” ทั้งหมด มี 2,725 คน หรือ 27% ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการ, 706 คน หรือ 7% ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลด้วยสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโควิด และ 132 คนหรือ 1% เสียชีวิตจากสาเหตุที่เกี่ยวข้องกับโควิด
ดังนั้น จึงสรุปได้ว่า การถูกทะลุทะลวงผ่านภายหลังฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว ทำให้เกิดการติดเชื้อ 0.01%, การเข้าโรงพยาบาล 0.0007% และการเสียชีวิต 0.0001%
“ถึงแม้พวกวัคซีนที่ได้รับอนุมัติจากเอฟดีเอมีประสิทธิภาพสูง แต่ก็เป็นที่คาดหมายกันอยู่แล้วว่าจะเกิดเคสการถูกทะลุทะลวงผ่าน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ก่อนที่ภูมิคุ้มกันหมู่ในประชากรจะไปถึงระดับเพียงพอที่จะลดการติดต่อแพร่เชื้อต่อไปอีก” รายงานบอก
การศึกษาชิ้นนี้จัดทำขึ้นระหว่างที่ไวรัสโคโรนาระบาดหนักในอเมริกา เฉพาะช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายนมีผู้ติดเชื้อถึงราว 355,000 คน
รายงานของซีดีซียอมรับว่า ตัวเลขจริงของเคสการถูกทะลุทะลวงผ่าน น่าจะสูงกว่าที่รายงานเอาไว้นี้ เนื่องจากผู้ฉีดวัคซีนครบโดสที่ยังติดเชื้อโควิดนั้น ส่วนใหญ่เป็นการติดเชื้อแบบไม่แสดงอาการหรือมีอาการเล็กน้อยจึงไม่ได้เข้ารับการตรวจ
ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคารเช่นกัน ทำเนียบขาวได้ประกาศหลักชัยสำคัญว่า ประชากรวัยผู้ใหญ่ในสหรัฐฯเกินครึ่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ครบโดสแล้ว จากเป้าหมายที่ประธานาธิบดี โจ ไบเดน กำหนดไว้ว่า ภายในวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันชาติของสหรัฐฯ ประชากรวัยผู้ใหญ่ 70% จะได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็ม
โรเชลล์ วาเลนสกี้ ผู้อำนวยการซีดีซี สำทับว่า จำนวนผู้ติดเชื้อเฉลี่ยในรอบ 7 วันที่ผ่านมา ต่ำกว่าวันละ 23,000 คน หรือลดลงจากสัปดาห์ก่อนหน้าราว 25% เฉพาะวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23) มีจำนวนเคสใหม่ 22,877 คน ถือเป็นสถิติต่ำสุดนับจากเดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และไม่ถึง 1 ใน 10 ของสถิติผู้ติดเชื้อรายวันสูงสุดที่กว่า 250,000 คนช่วงหลังเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่
ส่วนที่เกาหลีใต้ รัฐบาลกำลังออกมาตรการใหม่ๆ เพื่อจูงใจผู้สูงวัยฉีดวัคซีนตามแผนฉีดวัคซีนให้ประชากรอย่างน้อย 70% จากทั้งหมด 52 ล้านคนภายในเดือนกันยายน โดยการอนุญาตให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 เข็มไม่ต้องสวมหน้ากากออกนอกบ้านอีกต่อไปนับจากเดือนกรกฎาคม และสามารถรวมกลุ่มทำกิจกรรมได้ตั้งแต่เดือนหน้า
นายกรัฐมนตรี คิม บู-คยุม แถลงเมื่อวันพุธ (26) ว่า จะปรับเปลี่ยนมาตรการจำกัดควบคุมทั้งหมดในเดือนตุลาคม ซึ่งตามแผนการนั้นประชากรกว่า 70% จะได้รับวัคซีนเข็มแรกแล้ว
อย่างไรก็ดี ล่าสุด เพิ่งมีชาวเกาหลีใต้ 7.7% ที่ฉีดวัคซีนแล้ว ขณะที่จำนวนเคสใหม่ที่ได้รับการยืนยันเมื่อวันอังคารอยู่ที่ 707 คน รวมผู้ติดเชื้อสะสม 137,682 คน และเสียชีวิต 1,940 คน
สำหรับทางยุโรป เหล่าผู้นำ 27 ชาติสมาชิกสหภาพยุโรป ต่างแสดงความยินดีและตั้งความหวังว่า ใบรับรองโควิดดิจิทัลที่พวกชาติสมาชิกและรัฐสภายุโรปเห็นพ้องร่วมกันตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วและจะมีผลบังคับใช้กลางเดือนหน้านั้น จะพลิกโฉมมาตรการจำกัดเข้มงวดเพื่อป้องกันโรคระบาด ซึ่งได้กัดกินเสรีภาพในการเดินทางของชาวยุโรป และจะเป็นการปลดล็อกการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนนี้
บรัสเซลส์ยังคาดว่า นอกจากใบรับรองโควิดดิจิทัลแล้ว แผนอนุญาตให้ประชาชนจากประเทศที่ไม่ได้เป็นสมาชิกที่ฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม เดินทางเข้าสู่อียูได้ตั้งแต่กลางเดือนหน้าเป็นต้นไป จะช่วยให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของยุโรปฟื้นคืนชีพ
เออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป แถลงภายหลังการประชุมสุดยอดเมื่อวันอังคาร ว่า ขณะนี้อียูกำลังเดินหน้าตามแผนฉีดวัคซีนให้ประชากรวัยผู้ใหญ่ 70% ครบสองโดสภายในปลายเดือนกรกฎาคม
(ที่มา: เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)