xs
xsm
sm
md
lg

เคสใหม่อินเดียพุ่งเป็นเกือบครึ่งของทั่วโลก สิงคโปร์เพิ่มคุมเข้ม ‘โควิด’ หลังพบคลัสเตอร์ใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


โรงพยาบาลตันต็อกเส็ง ในสิงคโปร์ เป็นสถานที่หนึ่งซึ่งเกิดคลัสเตอร์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อไม่นานมานี้   ขณะที่ทางการรีบออกมาตรการเข้มงวดเพิ่มเติมเพื่อควบคุมสถานการณ์
WHO เผยยอดผู้ติดเชื้อของอินเดียสัปดาห์ที่แล้วสูงเกือบครึ่งหนึ่งของทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเมื่อวันพุธ (5 พ.ค.) ทุบสถิติอีกครั้งที่ 3,780 คน ขณะที่สถานการณ์โดยรวมของเอเชียขณะนี้ยังไม่สู้ดีนัก สิงคโปร์ยกระดับมาตรการสกัดไวรัส หลังพบการระบาดระลอกใหม่ ส่วนญี่ปุ่นกำลังพิจารณาต่อเวลาสถานการณ์ฉุกเฉินในโตเกียวและอีกหลายเมือง และนายกฯ ไต้หวันออกรับแทนรัฐมนตรีสาธารณสุข ชี้ถึงเป็นพระเจ้าก็ไม่อาจทำให้ทุกคนเคารพกฎป้องกันไวรัสได้

รายงานด้านระบาดวิทยาที่องค์การอนามัยโลก (WHO) เผยแพร่เมื่อวันพุธระบุว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา จำนวนผู้ติดเชื้อของอินเดียคิดเป็นสัดส่วนถึง 46% ของทั่วโลก และ 25% ในส่วนจำนวนผู้เสียชีวิต

วันเดียวกันนั้น กระทรวงสาธารณสุขอินเดียรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาว่าอยู่ที่ 382,315 คน หรือเพิ่มขึ้นเกิน 300,000 คนติดต่อกันเป็นวันที่ 14 ส่วนยอดเสียชีวิตทำสถิติสูงสุดอยู่ที่ 3,780 คน

รัฐบาลอินเดียยืนยันว่ามีออกซิเจนเพียงพอ แต่ติดปัญหาที่ระบบขนส่ง โดยในวันพุธรถไฟด่วนลำเลียงออกซิเจน 2 ขบวนเดินทางถึงเดลี โดยขณะนี้มีการนำส่งออกซิเจนไปยังพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศแล้วกว่า 25 ขบวน

วิกฤตโรคระบาดระลอกใหม่ในอินเดียเกิดขึ้นพร้อมกับที่การจัดหาและจัดส่งวัคซีนขาดแคลนอย่างหนัก มีอย่างน้อย 3 รัฐ ซึ่งรวมถึงมหาราษฏระที่มีเมืองมุมไบ (บอมเบย์) เมืองหลวงในทางธุรกิจของแดนภารตะตั้งอยู่ เผชิญปัญหาขาดแคลนวัคซีนจนต้องสั่งปิดศูนย์ฉีดวัคซีนบางแห่ง

ขณะเดียวกัน ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในอินเดียอาจพุ่งขึ้นต่อไปจนถึงสิ้นเดือนนี้ และอาจพบเคสใหม่ถึงวันละ 500,000 คน

ทางด้านสิงคโปร์ รัฐบาลประกาศมาตรการเข้มงวดชุดใหม่เพื่อป้องกันไวรัสโคโรนาเมื่อวันอังคาร (4) หลังจากสัปดาห์ที่แล้วพบคลัสเตอร์ใหม่หลายกลุ่ม และในรอบ 7 วันล่าสุดพบการติดเชื้อภายในประเทศรวม 60 คน

มาตรการล่าสุดของทางการสิงคโปร์ มีอาทิ จำกัดการรวมกลุ่มทำกิจกรรมไม่เกิน 5 คน กำหนดให้พนักงานทำงานจากที่บ้านมากขึ้น ปิดสนามกีฬาในร่มและฟิตเนส และลดจำนวนผู้เข้าร่วมประชุม จำนวนผู้ร่วมงานแต่งงานและพิธีศพ

สำหรับผู้เดินทางจากประเทศนั้น ส่วนใหญ่ต้องกักตัวนานขึ้นเป็น 3 สัปดาห์ จากเดิมเพียง 2 สัปดาห์

กัน คิม ยอง รัฐมนตรีสาธารณสุขสิงคโปร์ ระบุว่า ช่วง 2-3 สัปดาห์หน้าจะเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญ พร้อมเตือนว่าหากสถานการณ์เลวร้ายลง รัฐบาลจะเพิ่มมาตรการเข้มงวดขึ้นอีก ซึ่งรวมถึงการล็อกดาวน์บางพื้นที่

หากเปรียบเทียบมาตรฐานโลก สถานการณ์การระบาดของสิงคโปร์ถือว่าดีกว่าประเทศอื่นๆ จำนวนมาก โดยมียอดผู้ติดเชื้อสะสม 61,000 คน เสียชีวิต 31 คน จากประชากร 5.7 ล้านคน กระนั้น รัฐบาลกังวลว่า การพบคลัสเตอร์ใหม่ๆ อาจส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ หลังจากปีที่แล้วเพิ่งเผชิญภาวะถดถอยหนักที่สุด และยังห่วงว่าจะกระทบแคมเปญทราเวลบับเบิลกับฮ่องกงที่กำลังจะเริ่มต้นวันที่ 26 เดือนนี้

ส่วนที่ญี่ปุ่น สื่อท้องถิ่นรายงานวันพุธว่ารัฐบาลกำลังพิจารณาขยายเวลาใช้สถานการณ์ฉุกเฉินในโตเกียว โอซากา จังหวัดเกียวโตและเฮียวโงะ ที่กำลังจะสิ้นสุดลงในวันอังคารหน้า (11) เพื่อต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 ซึ่งยังน่าวิตกอยู่

นายกรัฐมนตรี โยชิฮิเดะ ซูงะ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรีและบรรดาที่ปรึกษาว่า ต้องการตัดสินใจเรื่องนี้ภายในสัปดาห์นี้ โดยที่มีแหล่งข่าวคนหนึ่งเผยว่ารัฐบาลอาจประกาศอย่างเป็นทางการอย่างเร็วที่สุดในวันศุกร์ (7) นี้

การต่อเวลาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินมีแนวโน้มจะเพิ่มความกังวลที่ว่าการแข่งขันกีฬาโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งได้เลื่อนจากปีที่แล้วมาเป็นปลายเดือนกรกฎาคมนี้ จะเจอโรคเลื่อนอีกหรือไม่

สำหรับไต้หวัน นายกรัฐมนตรี ซู เจิงชาง ออกมาปกป้องรัฐมนตรีสาธารณสุข เฉิน สือจง ว่า แม้เป็นพระเจ้าอวตารลงมาเกิดก็คงไม่สามารถป้องกันไม่ให้มีการละเมิดกฎป้องกันไวรัสโคโรนาได้

ทั้งนี้ เฉินถูกวิจารณ์อย่างหนักจากหลายกรณีที่อาจทำให้สถานการณ์การระบาดในไต้หวันเลวร้ายลง ซึ่งรวมถึงการไม่สวมหน้ากาก และการปล่อยให้นักบินไต้หวันและต่างชาติพักปะปนกันในโรงแรมแห่งหนึ่ง

เช่นเดียวกับสิงโปร์ ไต้หวันมีผู้ติดเชื้อน้อยมากเมื่อเทียบกับอีกหลายพื้นที่ โดยขณะนี้มีผู้ป่วยที่ยังรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 75 คน และเสียชีวิต 12 คน

กระนั้น นับจากเดือนที่แล้วไต้หวันพบผู้ติดเชื้อ 28 คนที่เชื่อมโยงกับโรงแรมแห่งหนึ่งในสนามบินนานาชาติที่เถาหยวน นอกกรุงไทเป และยังพบลูกเรือของไชน่า แอร์ไลน์ ซึ่งเป็นสายการบินใหญ่ที่สุดของเกาะแห่งนี้ ติดเชื้อจากภายในท้องถิ่น

(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)

พนักงานรักษาความปลอดภัยผู้หนึ่ง แสดงแผ่นป้ายเขียนข้อความขอร้องประชาชนอย่าได้คอยเฝ้าชมการแข่งขันวิ่งฮาล์ฟมาราธอน ซึ่งจัดขึ้นที่เมืองซัปโปโร ของญี่ปุ่นในวันพุธ (5 พ.ค.) ทั้งนี้ก็เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19  โดยที่การจัดงานแข่งขันครั้งนี้ถือเป็นบททดสอบอย่างหนึ่งสำหรับงานโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในเดือนกรกฎาคมนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น