อัตราการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ของเยอรมนีเพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา แม้ยกระดับข้อจำกัดต่างๆ อย่างเข้มข้น ในขณะที่ โอลาฟ โชลซ์ รัฐมนคลังคาดหมายว่าคงไม่มีความเคลื่อนไหวผ่อนปรนมาตรการล็อกดาวน์ก่อนสิ้นเดือนพฤษภาคม
เยอรมนีกำลังประสบปัญหาในการควบคุมการแพร่ระบาดระลอกที่ 3 หลังจากความพยายามถูกแทรกซ้อนจากการปรากฏตัวของตัวกลายพันธุ์ B117 ที่พบครั้งแรกในสหราชอาณาจักรและแพร่เชื้อง่ายกว่าตัวดั้งเดิมหลายเท่า รวมถึงโครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศที่เริ่มต้นค่อนข้างช้า
“เราต้องการกรอบเวลาสำหรับกลับเข้าสู่ชีวิตปกติ แต่มันต้องเป็นแผนที่ไม่ถูกยกเลิกหลังจากดำเนินการเพียงไม่กี่วัน” โชลซ์บอกกับสื่อมวลชนท้องถิ่น พร้อมแนะว่ารัฐบาลกลางควรวางกรอบก้าวย่างต่างๆ ที่ชัดเจนและกล้าหาญ สำหรับฤดูร้อนในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม เปิดทางให้ร้านอาหารปรับแผนกลับมาเปิดบริการ และให้ประชาชนได้วางแผนสำหรับวันหยุดฤดูร้อน
โชลซ์ บอกว่า มาตการต่างเหล่านั้นจะต้องชี้แจงให้ชัดเจนด้วยว่าเมื่อไหร่ประชาชนจะมีโอกาสได้ดูคอนเสิร์ต ภาพยนตร์ และเข้าชมการแข่งขันฟุตบอล
เมื่อวันเสาร์ (24 เม.ย.) นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล เรียกร้องชาวเยอรมนีปฏิบัติการตามแข็งขันต่อกฎระเบียบที่เข้มข้นขึ้นซึ่งกำหนดบังคับใช้ในพื้นที่ต่างๆ ที่มีอัตราการติดเชื้อระดับสูงในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยระบุว่ามาตรการเพิ่มเติมนี้มีความจำเป็นเพื่อหยุดการแพร่ระบาดของระลอกที่ 3
สถาบันโรเบิร์ต คอช หน่วยงานป้องกันและควบคุมโรคของเยอรมนี เปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (25 เม.ย.) ว่าค่าเฉลี่ยผู้ติดเชื้อรอบ 7 วันต่อประชากร 100,000 คน เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว เพิ่มเป็น 166 คนต่อประชากร 100,000 คน
รัฐสภาเห็นชอบร่างแก้ไขกฎหมายป้องกันโรคระบาด (Infection Protection Act) เมื่อสัปดาห์ที่แล้วซึ่งเปิดทางให้รัฐบาลกลางมีอำนาจมากขึ้นในการควบคุมโรคระบาดใหญ่ โดย แมร์เคิล เรียกร้องให้มีการแก้ไขกฎหมายดังกล่าว หลังจากบางรัฐจากทั้งหมด 16 รัฐ ไม่ยอมบังคับใช้มาตรการเข้มข้นกว่าเดิม
กฎหมายใหม่เปิดทางให้รัฐบาลกลางสามารถกำหนดเคอร์ฟิว 22.00 น.ถึง 05.00 น. ในเขตต่างๆ ที่พบผู้ติดเชื้อเกิน 100 คนต่อประชากร 100,000 คน 3 วันติดต่อกัน นอกจากนี้แล้วกฎระเบียบดังกล่าวยังจำกัดการรวมตัวของผู้คนและการจับจ่ายซื้อของด้วย
โรงเรียนจะถูกปิดและจะกลับมาเปิดการเรียนการสอนทางออนไลน์ หากว่าเคสผู้ติดเชื้อแตะระดับ 165 รายต่อประชากร 100,000 คน 3 วันติดต่อกัน
รัฐบาลกลางและมุขมนตรีของรัฐต่างๆ จะหารือกันในวันจันทร์ (26 เม.ย.) ว่าจะผ่อนปรนหรือกระทั่งยกเลิกจัดลำดับอายุในโครงการฉีดวัคซีน ในขณะที่ก่อนหน้านี้บางรัฐได้ปรับลดอายุสำหรับผู้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าสู่ระดับไม่ต่ำกว่า 30 ปี
ขณะเดียวกัน กระทรวงยุติธรรมกำลังพิจารณามอบสิทธิพิเศษแก่พลเรือนที่เข้ารับการฉีดวัคซีนครบถ้วนแล้ว มาตรการที่ผู้ไม่เห็นด้วยวิพากษ์วิจารณ์ว่ามันจะเปิดทางให้เกิดสังคม 2 ชนชั้น ซึ่งผู้ที่เข้ารับการฉีดวัคซีนจะมีสิทธิต่างๆ มากกว่าคนอื่นๆ ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน
(ที่มา : รอยเตอร์)