เจ้าหน้าที่สาธารณสุขแคนาดาในวันจันทร์ (29 มี.ค.) เผยว่า จะระงับฉีดวัคซีนโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้า แก่ประชาชนอายุต่ำกว่า 55 ปี โดยจำเป็นต้องทำการวิเคราะห์ใหม่เกี่ยวกับความเสี่ยงและโยชน์ของวัคซีนตัวดังกล่าว บนพื้นฐานของเพศและอายุ
ข่าวดังกล่าวมีขึ้นตามหลังมีรายงานจากยุโรปเกี่ยวกับกรณีพบเคสลิ่มเลือดอุดตันรุนแรงและเลือดออกในสมอง รวมเคสผู้เสียชีวิตบางราย หลังฉีดวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้า ส่วนใหญ่แล้วเป็นหญิงสาว และความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้นแม้ว่าไม่มีรายงานเคสลักษณะดังกล่าวในแคดานา ประเทศที่ได้ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแก่ประชาชนไปแล้วราว 307,000 ราย
คณะกรรมการที่ปรึกษาระดับชาติด้านการสร้างภูมิคุ้มกันของแคนาดา (NACI) ซึ่งเป็นคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญอิสระ ระบุในวันจันทร์ (29 มี.ค.) อัตราเกิดภาวะแทรกซ้อมลิ่มเลือดอุดตันยังไม่เป็นที่ชัดเจน จนถึงตอนนี้ 40% ของคนที่มีอาการดังกล่าวเสียชีวิต แต่ตัวเลขนี้อาจลดลง หากสามารถตรวจพบและทำการรักษาตั้งแต่ต้น
“สิ่งที่รู้ในตอนนี้ คือ มีความไม่แน่นอนอย่างมากเกี่ยวกับประโยชน์ของการให้วัคซีนโควิด-19 แอสตร้าเซนเนก้า แก่ผู้ใหญ่อายุต่ำกว่า 55 ปี” คณะกรรมการที่ปรึกษาเขียนในคำแนะนำ พร้อมระบุว่าแม้คนชรามีความเสี่ยงอาการหนักถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลหรือเสียชีวิตจากโควิด-19 มากกว่ากลุ่มอื่นๆ แต่ดูเหมือนว่าอาการแทรกซ้อนจะพบเห็นได้ยากกว่าในคนกลุ่มนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงสามารถเข้ารับการฉีดซีนภายใต้การยืนยันความสมัครใจ
คณะกรรมการหัวหน้าเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของแคนาดา ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนทั้งระดับรัฐและระดับรัฐบาลกลาง ตอบสนองคำแนะนำของ NACI ระบุว่า จะระงับใช้วัคซีนสำหรับบุคคลที่ต่ำกว่า 55 ปี
ทางคณะกรรมการเปิดเผยว่า ตอนดำเนินการตัดสินใจ พวกเขาพิจารณาข้อเท็จจริงแล้วว่าแคนาดายังพอมีวัคซีนอื่นๆ ที่สามารถใช้งานได้ โดยอุปทานส่วนใหญ่ของแคนาดาจนถึงตอนนี้ คือ วัคซีนของไฟเซอร์ อิงค์ และ โมเดอร์นา อิงค์
จากข้อมูลของรอยเตอร์ ระบุว่า จนถึงตอนนี้มีประชาชนชาวแคนาดาราวๆ 11.8% ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19 ไปแล้วอย่างน้อย 1 โดส
ความเคลื่อนไหวระงับใช้วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าครั้งนี้ ครอบคลุมทั้ง 2 เวอร์ชันที่ได้รับอนุมัติใช้ในแคนาดา ประกอบด้วยวัคซีนที่ผลิตโดยแอสตร้าเซนเนก้าแคนาดา กับวัคซีนของทางสถาบันเซรัมแห่งอินเดีย
บรรดาประเทศยุโรปหลายชาติได้หยุดฉีดวัคซีนสัญชาติอังกฤษ-สวีเดน ช่วงสั้นๆ ระหว่างสืบสวนเหตุการณ์ลิ่มเลือดอุดตันเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา แต่แคนาดายังคงเดินหน้าฉีดตามเดิม
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่นั้นประเทศต่างๆ เกือบทั้งหมดได้กลับมาใช้วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าแล้ว แต่ฝรั่งเศสเพิกเฉยคำแนะนำจากสำนักงานยาแห่งยุโรป โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 19 มีนาคม ว่าจะใช้กับเฉพาะประชาชนที่มีอายุ 55 ปีขึ้นไป พร้อมอ้างว่าการตัดสินใจของพวกเขาอยู่บนพื้นฐานของหลักฐานที่ว่าภาวะลิ่มเลือดอุดตันมัดเกิดกับบุคคลที่มีอายุไม่มาก
แคนาดา คาดหมายว่า จะได้รับวัคซีนแอสตร้าเซเนก้าจากสหรัฐฯ เพิ่มอีก 1.5 ล้านโดสในสัปดาห์นี้ แม้ว่าอเมริกายังไม่อนุมัติใช้วัคซันดังกล่าว
ทั้งนี้ แคนาดา ยังได้สั่งซื้อวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าและสถาบันเซรัมแห่งอินเดีย มากกว่า 20 ล้านโดส
จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในแคนาดา เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา จนในวันจันทร์ (29 มี.ค.) รัฐบริติชโคลัมเบีย ต้องห้ามดินเนอร์ในร่ม และสั่งปิดชั้นเรียนฟิตเนสแบบกลุ่มไปจนถึงวันที่ 19 เมษายน หลังพบผู้ติดเชื้อรายวันแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด
เจ้าหน้าที่ระบุว่ามาตรการต่างดังกล่าวเป็น “ตัวตัดวงจร” เพื่อหยุดการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์โควิด-19 ในรัฐแห่งนี้ หลังจากรัฐบริติชโคลัมเบีย ตรวจเจอเคสผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ P1 ซึ่งพบครั้งแรกในบราซิล มากกว่า 270 เคส ท่ามกลางความกังวลว่าตัวกลายพันธุ์จะต้านทานวัคซีนได้มากกว่าตัวดั้งเดิม
(ที่มา: รอยเตอร์)