จำนวนคนไข้โควิด-19 ที่เข้ารักษาในโรงพยาบาล กำลังเพิ่มขึ้นตามรัฐต่างๆ กว่า 25 แห่ง หรือเกือบครึ่งหนึ่งของสหรัฐฯ สัญญาณล่าสุดที่บ่งชี้ว่าประเทศแห่งนี้กำลังเผชิญการแพร่ระบาดระลอก 4 ทั้งนี้ พบผู้ป่วยอายุน้อยลง และจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น แม้กระทั่งในพื้นที่ต่างๆ ที่มีอัตราส่วนการฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในระดับสูง
ดร.โรเชลล์ วาเลนสกี ผู้อำนวยการศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ (CDC) พยายามกลั้นน้ำตาระหว่างแถลงสรุปเกี่ยวกับสัญญาณเตือนต่างๆ ในวันจันทร์ (29 มี.ค.) พร้อมบอกว่าเธอรู้สึกหวาดกลัวต่อการแพร่ระบาดระลอก 4 “เรามีสิ่งต่างมากมายที่ต้องมองไปข้างหน้า มีเหตุผลแห่งความหวังมากมาย แต่ตอนนี้ฉันรู้สึกกลัว”
ข้อมูลจากกระทรวงสุขภาพและบริการมนุษย์สหรัฐ ฯจนถึงวันเสาร์ (27 มี.ค.) พบว่า ในค่าเฉลี่ย 7 วันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เมื่อเปรียบกับหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น มีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้นใน 25 รัฐ เช่นเดียวกับเมืองหลวงของประเทศและเปอร์โตริโก
ค่าเฉลี่ย 7 วันทั่วประเทศ เพิ่มขึ้น 1.8% จากหนึ่งสัปดาห์ก่อนหน้านั้น เป็น 10,115 ราย ถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม
ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นมากที่สุดเกิดขึ้นในมิชิแกน โดยมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพพยาบาล เพิ่มขึ้นถึง 50% เฉลี่ยแล้ว 379 คนต่อวัน แม้สถานการณ์ในรัฐแห่งนี้ไม่เลวร้ายเท่าในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคม แต่มันก็เสื่อมทรามลงอย่างรวดเร็ว
แนวโน้มเลวร้ายในลำดับต่อมาคือในเซาต์ดาโกตา ซึ่งมีผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เพิ่มขึ้น 40% ต่อวัน เฉลี่ยแล้วเป็น 28 คนต่อวัน
การแกว่งตัวขึ้นรอบใหม่ของเซาต์ดาโกตา น่าจะเป็นการยุติข่าวลือที่ว่าพวกเขาใกล้บรรลุการสร้างภูมิคุ้มกันหมูู่แล้ว หลังรัฐแห่งนี้มีประชากรเข้ารับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดสไปแล้ว 34% และจนถึงช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ มีประชาชนของรัฐมากกว่า 47% ที่เคยติดเชื้อโควิด-19 ไปแล้ว
นอร์ทดาโกตา ซึ่งเป็นอีกรัฐที่มีระดับการฉีดวัคซีนค่อนข้างสูงและประชาชนจำนวนมากเคยผ่านการติดเชื้อมาแล้ว ก็กำลังพบเห็นจำนวนคนไข้โควิด-19 ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเช่นกัน
จากข้อมูลอัปเดตของ Covid-Net เครือข่ายเฝ้าระวังครอบคลุม 14 รัฐ พบว่าทั่วสหรัฐฯ คนไข้ 2 ใน 3 ที่ผลตรวจห้องปฏิบัติการยืนยันว่าติดเชื้อโควิด-19 เวลานี้มีอายุน้อยกว่า 65 ปี
อย่างไรก็ตาม ทางศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ เชื่อว่า อเมริกายังสามารถสกัดการแพร่ระบาดระลอกล่าสุดด้วยการแจกจ่ายวัคซีนให้รวดเร็วขึ้นกว่าเดิม และคาดหมายผลลัพธ์ที่ดีขึ้น เนื่องจากอเมริกาได้ล็อกเป้าเริ่มฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มคนที่อ่อนแอที่สุดมาตั้งแต่เดือนธันวาคมปีก่อน
จากข้อมูลของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐฯ พบว่า คนสูงวัยอายุ 65 ปีขึ้นไป คิดเป็นราวๆ 4 ใน 5 ของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 แต่เวลานี้คนกลุ่มดังกล่าวได้รับการฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1โดสไปแล้วราวๆ 72%
(ที่มา: บลูมเบิร์ก)