เรือสินค้าขนาดใหญ่ยังคงติดอยู่ในคลองสุเอซเป็นวันที่ 6 ในวันอาทิตย์ (28 มี.ค.) คาดก่อความเสียหายทางเศรษฐกิจไปแล้วราวๆ 60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการทำให้คลองแห่งนี้กลายเป็นอัมพาต เรือสินค้าหลายร้อยลำจอดยาวรอใช้เส้นทางขนส่งสำคัญนี้ ส่วนเจ้าหน้าที่อียิปต์ชี้ว่าต้นตอของเหตุเกยตื้นครั้งนี้อาจเป็นความผิดพลาดของมนุษย์ ไม่ใช่พายุลมแรงอย่างที่สันนิษฐานกันในเบื้องต้น
จากการประมาณการทางเศรษฐกิจที่คำนวณโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์ก พบว่าวิกฤตครั้งนี้กำลังก่อความเสียหายทางการค้าราวๆ 9,600 ล้านดอลลาร์ต่อวัน เนื่องจากเหล่าเรือสินค้าที่มีกำลังมุ่งหน้าระหว่างยุโรปและเอเชียยังคงต้องจอดแน่นิ่ง
ความเสียหายทางเศรษฐกิจอาจสูงขึ้นกว่านี้มาก เพราะจนถึงตอนนี้ยังคงไม่มีกรอบเวลาที่แน่ชัดสำหรับการปลดปล่อยเรือบรรทุกสินค้า เอเวอร์ กิฟเวน ให้เป็นอิสระ
มีเรือสินค้าอย่างน้อย 369 ลำ ต่อแถวยาวเหยียดรอแล่นผ่านคลองแห่งนี้ ซึ่งคิดเป็น 15% ของขนส่งสินค้าทางน้ำทั่วโลก แต่เวลานี้เรือหลายร้อยลำกำลังชั่งใจเกี่ยวกับประโยชน์ของการหันเรือกลับ และยอมเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในการแล่นอ้อมทวีปแอฟริกา
ผลกระทบทางการเงินจากปัญหาติดขัดที่เส้นทางขนส่งสินค้าอันสำคัญ อาจลุกลามบานปลายสู่ปัญหาขาดแคลนสินค้าต่างๆ นานาทั่วไป ในนั้นรวมถึงของใช้ในบ้านประจำวัน อย่างเช่นกระดาษชำระ
BSM ผู้จัดการฝ่ายเทคนิคของเรือเอเวอร์ กิฟเวน ระบุว่า เรือลาก 11 ลำกำลังหาทางทำให้เรือกลับมาลอยลำได้อีกครั้ง มีการขุดทรายและโคลนโดยรอบ ขณะที่แหล่งข่าวสองคนของสำนักงานบริหารจัดการคลองสุเอซ (เอสซีเอ) เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (27 มี.ค.) ว่าเรือขุดลอกที่ช่วยกันขุดทรายรอบเรือ รวมทั้งเรือลากที่ช่วยดึงและดันให้เรือลอย ทำให้เรือเอเวอร์ กิฟเวน ขยับเขยื้อนเล็กน้อย
เรือลากอีก 2 ลำจากเนเธอร์แลนด์และอิตาลีจะเข้ามาสมทบในวันอาทิตย์ (28 มี.ค.) ส่วนกองทัพเรือสหรัฐฯ ก็พร้อมให้ความช่วยเหลือขุดลอกและลากเรือลำดังกล่าวออกจากน่านน้ำอียิปต์เช่นกัน
แม้ผู้เชี่ยวชาญบางส่วนมองในแง่ดีเกี่ยวกับความคืบหน้าในความพยายามปลดปล่อยเรือ แต่ผู้บริหารระดับสูงด้านการเดินเรือรายหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับปฏิบัติการนี้ คาดหมายว่ามันอาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์เลยทีเดียว
อีกด้านหนึ่งเจ้าหน้าที่ของอียิปต์ เชื่อว่าเหตุเรือบรรทุกสินค้าขนาดยักษ์ปิดกั้นขวางทางคลองสุเอซในครั้งนี้ อาจมีต้นตอจากความผิดพลาดของมนุษย์ ไม่ใช่พายุลมแรงอย่างที่สันนิษฐานกันในเบื้องต้น
รายงานข่าวในเบื้องต้นระบุว่า เรือเอเวอร์ กิฟเวน ยาว 1,300 ฟุต (ราว 396 เมตร) น้ำหนัก 200,000 ตัน ติดแหง็กอยู่ในคลองสุเอซ สืบเนื่องจากลมแรงและพายุทรายที่ส่งผลกระทบต่อทัศนวิสัยการมองเห็น อย่างไรก็ตาม ล่าสุดหัวหน้าองค์การคลองสุเอซระบุว่าเงื่อนไขสภาพอากาศ “ไม่ใช่เหตุผลหลัก” ของเหตุเรือเกยตื้น
“บางทีอาจเป็นความผิดพลาดทางเทคนิคหรือความผิดพลาดของมนุษย์” โอซามะ รูบี ประธานองค์การคลองสุเอซกล่าวกับบีบีซีเมื่อวันเสาร์ (27 มี.ค.) โดยไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม “ทุกปัจจัยจะปรากฏอยู่ในการสืบสวน”
หินขนาดใหญ่ก้อนหนึ่งที่อยู่ใต้บริเวณด้านหน้าของเรือ ทำให้ความพยายามปลดปล่อยเรือเป็นไปอย่างยากลำบาก เรือขุดได้ทำการเคลื่อนย้ายทรายมากว่า 950,000 ลูกบาศก์ฟุต และขุดลึกไปเกือบ 60 ฟุต แต่เรือก็ยังคงติดอยู่ดี ขณะที่องค์การคลองสุเอซบอกว่ามันมีสัญญาณความคืบหน้าแค่เล็กน้อย
ด้วยเหตุนี้รัฐบาลอียิปต์จึงได้สั่งให้เตรียมพร้อม สำหรับเริ่มถ่ายโอนตู้คอนเทนเนอร์บางส่วนจากทั้งหมด 18,300 ตู้ลงจากเรือ เพื่อทำให้เรือมีน้ำหนักบรรทุกเบาลง แต่กว่าที่แผนดังกล่าวจะเริ่มต้นได้คงต้องรอจนถึงวันจันทร์ (29 มี.ค.)
แผนดังกล่าวจำเป็นต้องย้ายตู้สินค้าไปยังเรืออีกลำ หรือเป็นไปได้ก็อาจต้องนำไปวางไว้ที่บริเวณริมฝั่งคลองชั่วคราว ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ ในนั้นรวมถึงเครนที่มีความสูงมากกว่า 200 ฟุต และปฏิบัติการนี้อาจต้องใช้เวลานานหลายสัปดาห์
(ที่มา : นิวยอร์กโพสต์/บลูมเบิร์ก)
