ฝรั่งเศสต้องทำทุกวิถีทางเพื่อหลีกเลี่ยงการล็อกดาวน์รอบใหม่สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ในขณะที่โรงพยาบาลต่างๆ กำลังเผชิญแรงกดดันหนักหน่วง จากเสียงเรียกร้องของนายกรัฐมนตรีฌอง คาสเท็กซ์ ในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) หลังประเทศของเขารายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันเพิ่มอีกมากกว่า 26,000 คน
จนถึงตอนนี้รัฐบาลฝรั่งเศสขัดขืนแรงกดดันจากบรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขบางส่วนที่ร้องขอให้กำหนดมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ ซึ่งจะเป็นครั้งที่ 3 ในการรับมือกับจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาลฝรั่งเศสเลือกใช้แนวทางกำหนดเคอร์ฟิวทั่วประเทศ 18.00 น. และล็อกดาวน์ช่วงสุดสัปดาห์ใน 2 แคว้น แทนมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศรอบใหม่ ในความพยายามควบคุมการแพร่ระบาด พร้อมกับสั่งปิดบรรดาห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่
“เราจำเป็นต้องอาวุธทุกอย่างที่มีเพื่อหลีกเลี่ยงล็อกดาวน์ ผมไม่เคยปกปิดเรื่องนี้ กรุณาฉีดวัคซีน ปกป้องตนเอง เข้ารับการตรวจเชื้อ” คาสเท็กซ์ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
กระทรวงสาธารณสุขฝรั่งเศสรายงานว่า ในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 26,343 คน ลดลงจากระดับ 29,759 คน หนึ่งวันก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกัน พบผู้เสียชีวิตเพิ่ม 140 คน ยอดผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ 90,429 คน
ข้อมูลของกระทรวงสาธารณสุขยังเผยด้วยว่า มีคนไข้โควิด-19 อาการสาหัส ต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียูเพิ่มอีก 57 ราย เป็น 4,127 คน ขณะที่แผนกผู้ป่วยวิกฤตมีคนไข้แล้วเกือบ 82% ของความจุ สูงสุดนับตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ครั้งที่ฝรั่งเศสอยู่ในมาตรการล็อกดาวน์รอบที่ 2
“สถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น จำนวนผู้ติดเชื้อสูงขึ้นๆ และโรงพยาบาลต่างๆ ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งในการรับมือกับคนไข้จำนวนมาก โดยคนไข้เหล่านี้อายุเฉลี่ยต่ำลง และไม่จำเป็นต้องมีโรคร่วมเสมอไป” คาสเท็กซ์กล่าว
ในสัปดาห์นี้ รัฐบาลมีแผนเคลื่อนย้ายคนไข้ราวๆ 100 คน ทั้งทางอากาศหรือขบวนรถไฟพิเศษ จากภูมิภาคปารีสไปยังเมืองอื่นๆ เพื่อช่วยคลายแรงกดดันแก่โรงพยาบาลต่างๆ ในเมืองหลวง
เอลิซาเบธ บอร์น รัฐมนตรีแรงงานเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) ว่าเธอมีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก แต่จะยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อ โดยเธอเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงของฝรั่งเศสรายล่าสุดที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ขณะเดียวกัน โครงการฉีดวัคซีนของฝรั่งเศส ได้ยกระดับขึ้น โดยมีผู้เข้ารับวัคซีนโดสแรกเพิ่มอีก 67,134 คนในวันอาทิตย์ (14 มี.ค.) ส่งผลให้มีผู้ได้รับวัคซีนรวมแล้ว 5,128,872 คน หรือ 7.7% ของจำนวนประชากร ในนั้นมีถึง 2,239,389 คน ที่ได้รับวัคซีนครบทั้ง 2 โดสแล้ว
(ที่มา : รอยเตอร์)