เกาหลีเหนือยิงจรวดอีกอย่างน้อย 2 ลูกในวันพฤหัสบดี (25 มี.ค.) สงสัยว่าน่าจะเป็นขีปนาวุธ จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ในเกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ นับเป็นการทดสอบครั้งแรกๆ ตั้งแต่ โจ ไบเดน เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม
การทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือถูกห้ามภายใต้มติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ และหากการยิงครั้งนี้ได้รับการยืนยัน มันจะเป็นตัวแทนแห่งความท้าทายใหม่ที่มีต่อไบเดน ในขณะที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ พยายามประสานงานเจรจากับเปียงยาง แต่จนถึงตอนนี้ยังคงถูกปฏิเสธ
คณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้รายงานว่า “จรวดไม่ทราบชนิดอย่างน้อย 2 ลูก” ถูกยิงออกจากจังหวัดฮัมกย็องใต้ของเกาหลีเหนือ ทางชายฝั่งตะวันออกของประเทศ ลงสู่ทะเล
ถ้อยแถลงของคณะเสนาธิการร่วมเกาหลีใต้ระบุต่อว่าบรรดาเจ้าหน้าที่ข่าวกรองของทั้งเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กำลังวิเคราะห์ข้อมูลการยิงดังกล่าวเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ยืนยันกับรอยเตอร์ว่า เกาหลีเหนือดำเนินการยิงจรวดรอบใหม่ แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับจำนวนหรือชนิดของจรวดที่ตรวจพบ อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นสันนิษฐานว่ามันอาจเป็นขีปนาวุธ
“มันไม่ได้ตกในอาณาเขตของญี่ปุ่น และเชื่อว่ามันไม่ได้ตกภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่น” โฆษกกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าว
ก่อนหน้านี้ยามชายฝั่งของญี่ปุ่นได้ประกาศแจ้งเตือนเรือทั้งหลายเกี่ยวกับการเฉียดใกล้วัตถุที่ร่วงหล่นใดๆ พร้อมร้องขอให้พวกเขามอบข้อมูลต่างๆ ให้แก่ยามชายฝั่ง
เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือได้ยิงขีปนาวุธร่อนพิสัยใกล้ 2 ลูก จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและเกาหลีใต้ แต่ ไบเดน กลบกระแสความกังวลเกี่ยวกับการทดสอบดังกล่าว โดยบอกว่ามันเป็นกิจกรรมตามปกติของเปียงยางและไม่ใช่การยั่วยุ ขณะที่พวกเจ้าหน้าที่ในวอชิงตัน เน้นย้ำว่าพวกเขายังคงเปิดกว้างสำหรับเจรจากับเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม การทาบทามทางการทูตของไบเดนที่มีต่อเกาหลีเหนือกลับไม่ได้รับการตอบสนอง โดยเปียงยางบอกว่าจะไม่เจรจาจนกว่าวอชิงตันจะละทิ้งนโยบายต่างที่ไม่เป็นปรปักษ์ ในนั้นรวมถึงการซ้อมรบร่วมทางทหารกับเกาหลีใต้
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ระดับสูง 2 คนของสหรัฐฯ เผยว่า รัฐบาลของไบเดนกำลังอยู่ใน “ขั้นสุดท้าย” ของการทบทวนเต็มรูปแบบเกี่ยวกับนโยบายที่มีต่อเกาหลีเหนือ และจะเป็นเจ้าภาพจัดประชุมคณะที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของบรรดาพันธมิตรอย่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ในสัปดาห์หน้า เพื่อหารือในประเด็นดังกล่าว
(ที่มา : รอยเตอร์)