รอยเตอร์/เอเจนซีส์/MGRออนไลน์ - กองทัพไทยแถลงข่าวปฏิเสธรายงานการส่งข้าวสาร 700 กระสอบ ช่วยกองทัพพม่าชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน โดยอ้างในวันเสาร์ (20 มี.ค.) ว่า การขนส่งข้าวสารตามรายงานสื่อฝ่ายไทย เป็นการค้าขายตามพรมแดนตามปกติ โดยแม่ทัพภาค 3 พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ อ้าง “นี่ไม่ใช่การส่งเสบียงให้ทหารเมียนมา แต่ทางเมียนมาฝากซื้อข้าวของ ข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จากฝั่งไทย”
รอยเตอร์รายงานวันเสาร์ (20 มี.ค.) ว่า การช่วยใดๆ โดยตรงที่ออกมาจากไทยไปยังพม่าที่อยู่ภายใต้การรัฐประหารนั้น จะเรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักออกมาจากนานาชาติ โดยเฉพาะโลกตะวันตกที่ให้การสนับสนุนรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งของ อองซาน ซูจี ผู้นำประชาธิปไตยพม่า
หนังสือพิมพ์ไทยรายงานก่อนหน้าว่า ตามเพจ The Reporters ได้รายงานเมื่อวันที่ 20 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างรายงานข่าวจากหน่วยงานด้านความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-พม่า ใน ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน พบว่า หน่วยงานด้านความมั่นคงของไทยแห่งหนึ่ง ได้จัดส่งมอบข้าวสารและเสบียงอาหาร ให้แก่กองกำลังทหารพม่า ที่ตั้งที่ฐานปฏิบัติการอยู่ในรัฐกะเหรี่ยงบริเวณริมแม่น้ำสาละวิน โดยเป็นข้าวสารจำนวนอย่างน้อย 700 กระสอบ
แหล่งข่าวด้านความมั่นคงกล่าวตามการรายงานของสื่อไทยว่า “การขนเสบียงครั้งนี้ ทราบว่าได้รับคำสั่งมาจากส่วนกลางของรัฐบาลไทย และรถบรรทุกขนข้าวเหล่านี้มาจาก อ.แม่สอด จ.ตาก การที่กองกำลังฝ่ายความมั่นคงของไทยยอมส่งเสบียงให้ทหารพม่าครั้งนี้ ได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางว่าเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นปัญหาภายในพม่า ที่สำคัญคือ สังคมโลกกำลังจับตาดูการระทำอันรุนแรงที่กองทัพพม่ากำลังทำกับประชาชน ดังนั้น การส่งเบียงให้ เท่ากับเป็นการสนับสนุนให้ทหารพม่าทำร้ายประชาชน”
ซึ่งชายแดนไทยที่ติดกับรัฐฉาน ภายหลังจากที่สภาเพื่อการกอบกู้รัฐฉาน (RCSS หรือ SSA) ที่นำโดยพลเอกเจ้ายอดศึก ประกาศให้การคุ้มครองผู้ที่หลบหนีการรัฐประหารจากทหารพม่า ทำให้สถานการณ์หลายพื้นที่เกิดความตึงเครียด
พลเอกเจ้ายอดศึก เปิดเผยว่า ยังไม่มีรายงานว่า บริเวณชายแดนรัฐฉาน-ไทย มีการขนส่งเสบียงให้กับทหารพม่า แต่อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา SSA ได้ประกาศไปแล้วว่าจะให้การคุ้มครองประชาชนที่หลบหนีมาจากสถานการณ์รัฐประหารของทหารพม่า
รอยเตอร์รายงานวันเสาร์ (20) ว่า พล.ต.อำนาจ ศรีมาก ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 4 ในฐานะผู้บัญชาการกองกำลังนเรศวรกล่าวผ่านแถลงการณ์ว่า “กองทัพไม่ได้ส่งปัจจัยให้กับกองทัพพม่า และไม่มีการติดต่อจากพม่าก่อนหน้าเพื่อร้องขอความช่วยเหลือหรือเรียกร้องการสนับสนุนจากทางเราเพราะพวกเขาเองก็มีเกียรติยศ”
และเสริมต่อว่า “ซึ่งหากว่ามีอะไรผมคิดว่ามันคงเป็นเรื่องการค้าขายข้ามพรมแดนตามปกติ” พล.ต.อำนาจ ยืนยันว่า “ทางเราไม่ได้ปิดกั้นหากว่าการปฏิบัติไม่ได้ละเมิดกฎหมายและเป็นไปตามระเบียบศุลกากร”
รอยเตอร์กล่าวว่า สื่อไทยได้รายงานว่า สหภาพชนชาติกะเหรี่ยง (Karen National Union-KNU) หรือ KNU ได้ตัดเส้นทางลำเลียงเสบียงของหน่วยทหารพม่าที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ในรัฐกะเหรี่ยงบริเวณชายแดนริมแม่น้ำสาละวิน
หนังสือพิมพ์ไทยรายงานล่าสุดวานนี้ (21) ตามการให้สัมภาษณ์ของ พลโท อภิเชษฐ์ ซื่อสัตย์ แม่ทัพภาค 3 กล่าวชี้แจงถึงปมข้าวสาร 700 กระสอบว่า
“ที่ผ่านมา ทหารเมียนมา ฝากซื้อข้าวของ ข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จากฝั่งไทย โดยประสานผ่าน คณะกรรมการชายแดนระดับท้องถิ่น( TBC :Township Border Committee) มาเป็นปกติ เพราะซื้อจากฝั่งเมียนมา จะขนส่งไกลกว่า แต่ซื้อฝั่งไทย สะดวกกว่า มาก ถือเป็นการช่วยเหลือกันถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน เพราะความสัมพันธ์ทางทหาร เป็นไปด้วยดี
เพราะที่ผ่านมา เวลาเรามีปัญหาอะไร คนไทยไปเกิดเรื่องในฝั่งเมียนมา เราก็จะประสานผ่าน คณะกรรมการ TBC ในการช่วยเหลือดูแล และการส่งคนไทยในเมียนมา กลับประเทศ เมื่อเกิดปัญหา ฝ่ายทหารเมียนมา เขาก็ฝากเราซื้อของ ทำกันแบบนี้มายาวนาน และถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในฝั่งไทยในการซื้อข้าวสาร ของใช้ต่างๆ จากพ่อค้าแม่ค้า ภาคเอกชนไทย แล้วส่งไปให้ฝั่งเมียนมา”
และได้กล่าวไปถึง “ปัญหาที่อาจถูกนานาชาติกดดันจากการที่อาจเห็นว่าฝ่ายไทยให้การสนับสนุนพม่าในการส่งเสบียง” ทางพลโท อภิเชษฐ์ กล่าวว่า “อันนั้น เป็นเรื่องการเมือง เพราะคณะกรรมการชายแดนส่วนท้องถิ่น TBC ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง เพราะเป็นเรื่องประสานงานความสัมพันธ์ทางทหาร และการร่วมดูแลชายแดนและดูแลประชาชน 2 ฝั่ง ให้สงบเรียบร้อย ไม่มีปัญหาระหว่างกัน”
สำนักข่าวบีบีซีภาคภาษาไทย รายงานในวันเดียวกัน (20) ว่า กะเหรี่ยง KNU อ้างว่า การปิดล้อมพื้นที่ในเขตอิทธิพลของ KNU ในเมียนมา ทำให้กองทัพเมียนมาต้องหันมาลำเลียงสินค้าผ่านทางไทยแทน
โดยชี้ว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองกำลังสหภาพแห่งชาติกะเหรี่ยง KNU ด้านชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก เปิดเผยเมื่อ 20 มี.ค. ยืนยันว่า “ทางทหารรัฐบาลเมียนมา ได้ส่งข้าวสาร จำนวน 700 กระสอบ พร้อมด้วย เนื้อกระป๋อง น้ำมันพืช และใบชาแห้งถูกลำเลียงมาจากฝั่ง จ.เมียวดี เมียนมา เข้ามาที่ อ.แม่สอด จ.ตาก แล้วลำเลียงส่งไปที่ ริมชายหาดแม่น้ำสาละวิน บริเวณด้าน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน แล้วส่งข้ามแม่น้ำไปฝั่งเมียนมา ทั้งนี้ เพื่อส่งให้ทหารเมียนมาตามฐานปฏิบัติการริมแม่น้ำสาละวิน หลังจากนั้นจะลำเลียงด้วยเรือหางยาวไปส่งให้ทหารเมียนมา”
แหล่งข่าวจาก KNU กล่าวด้วยว่า ก่อนหน้านี้ พลโท โก่โก่ หม่อง แม่ทัพภาคตะวันออกเฉียงใต้ ได้ประสานมายังกองทัพภาคที่ 3 ของไทย เพื่อขออำนวยความสะดวก ซึ่งทางฝ่ายไทยไม่ได้ตอบรับตกลง และทำให้ทหารเมียนมาว่าจ้างเอกชนฝ่ายไทยให้ทำการขนส่งให้เอง
ทั้งนี้ ในแถลงการณ์ของสหภาพชนชาติกะเหรี่ยง KNU ออกมาในวันอาทิตย์ (21) ระบุว่า คัดค้านกรณีบุคคลหรือกลุ่มบุคคลใดที่จะส่งเสบียงให้ทหารพม่าในพื้นที่กองพล 5 โดยระบุว่าว่า เคเอ็นยู “จะไม่รับผิดชอบใดๆ”
แถลงการณ์ซึ่งลงวันที่ 21 มี.ค. ระบุว่า เคเอ็นยูไม่เห็นด้วยกับการส่งเสบียงอาหารให้แก่ทหารเมียนมาที่เข้ามาวางกำลังฐานปฏิบัติในพื้นที่แนวหน้าของจังหวัดมือตรอ บีบีซี ภาคภาษาไทยรายงาน