ประธานาธิบดีจอห์น มากูฟูลี แห่งแทนซาเนีย หนึ่งในผู้เคลือบแคลงไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่คนดังที่สุดในแอฟริกาใต้ ถึงแก่อสัญกรรมแล้วในวัย 61 ปี จากการเปิดเผยของรองประธานาธิบดีซาเมีย ซูลูฮู ฮัสซัน ในวันพุธ (17 มี.ค.) หลังจากเขาหายหน้าหายตาไปจากสาธารณะมากกว่า 2 สัปดาห์ จุดชนวนข่าวลือว่าอาจติดเชื้อโควิด-19
อย่างไรก็ตาม รองประธานาธิบดีหญิงซูลูฮู ฮัสซัน ระบุว่า ประธานาธิบดีมากูฟูลีเสียชีวิตจากโรคหัวในที่รุมเร้าเขามานานกว่า 1 ทศวรรษ และเผยว่าเวลานี้อยู่ระหว่างเตรียมพิธีฝังศพ พร้อมประกาศไว้อาลัยและลดธงครึ่งเสาเป็นเวลา 14 วัน
ประธานาธิบดีมากูฟูลี ไม่ได้ปรากฏตัวต่อสาธารณะมาตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ โหมกระพือข่าวลือว่าเขาติดเชื้อโควิด-19 ก่อนเจ้าหน้าที่ออกมาปฏิเสธในวันที่ 12 มีนาคม ทั้งนี้ เขากลายเป็นประธานาธิบดีรายแรกของแทนซาเนียที่เสียชีวิตขณะดำรงตำแหน่ง
“ถึงประชาชนแทนซาเนียอันเป็นที่รักทุกคน ฉันขอแจ้งให้ทราบว่าวันนี้ 17 มีนาคม เวลาราวๆ 18.00 น. เราได้สูญเสียผู้นำผู้กล้าหาญของเรา ประธานาธิบดีจอห์น มากูฟูลี ซึ่งเสียชีวิตจากโรคหัวใจ ณ โรงพยาบาลเอ็มเซนา ในดาร์เอสซาลาม สถานที่ที่เขาเข้าพักรักษาตัว” รองประธานาธิบดีแถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งรัฐ
หลังการแถลงข่าว ซิตโต คับเว ผู้นำฝ่ายค้านเผยว่าเขาได้พูดคุยกับรองประธานาธิบดีฮัสซัน แสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของมากูฟูลี “ประเทศแห่งนี้จะจดจำเขาในฐานผู้มีส่วนพัฒนาประเทศ” คับเวเขียนบนทวิตเตอร์
ตามรัฐธรรมนูญของแทนซาเนีย รองประธานาธิบดีฮัสซัน วัย 61 ปี จะเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีในระยะเวลาที่เหลือของวาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ซึ่ง มากูฟูลี เพิ่งเริ่มนั่งเก้าอี้ตัวนี้เมื่อปีที่แล้ว หลังคว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งดำรงตำแหน่งเป็นสมัย 2 ทำให้ ฮัสซัน จะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศในแถบแอฟริกาตะวันออกแห่งนี้
ฮัสซัน เผยว่า มากูฟูลี เข้ารักษาตัวที่สถาบันโรคทรวงอกจาคายา คิคเวเต เมื่อวันที่ 6 มีนาคม จากปัญหาโรคหัวใจและออกจากโรงพยาบาลในวันต่อมา อย่างไรก็ตามหนึ่งสัปดาห์ถัดจากนั้น เขารู้สึกไม่ค่อยดีและรุดไปยังโรงพยาบาลเอ็มเซนา และนอนพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนับตั้งแต่นั้น ภายใต้การสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดโดยคณะแพทย์ของสถาบันทรวงอก
มากูฟูลี ได้รับสมญานามว่า “รถแทรกเตอร์” จากชื่อเสียงของเขาที่ผลักดันนโยบายต่างๆ จนผ่านความเห็นชอบแม้ถูกต่อต้านอย่างหนัก ทั้งนี้ มากูฟูลีสร้างความผิดหวังแก่องค์การอนามัยโลกระหว่างการแพร่ระบาดของโรคระบาดใหญ่ ดูเบาภัยคุกคามโควิด-19 โดยบอกว่าพระเจ้าและวิธีการรักษาต่างๆ อย่างเช่นการสูดดมไอน้ำ จะช่วยปกป้องชาวแทนซาเนีย
อดีตครูสอนวิชาเคมีรายนี้พูดมาตลอดว่าวิกฤตการระบาดของโควิด-19 เป็นเรื่องเกินความจริง รวมทั้งเย้ยหยันมาตรการจำกัดการเดินทางที่ประเทศเพื่อนบ้านใช้เพื่อควบคุมไวรัส และเรียกร้องให้ประชาชนร่วมสวดมนต์ในโบสถ์หรือมัสยิดต่างๆ อ้างว่าการสวดภาวนาสามารถกำจัดไวรัสตัวนี้ได้
นอกจากนี้แล้วเขายังเย้ยหยันการตรวจเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ตำหนิวัคซีนว่าเป็นส่วนหนึ่งในทฤษฎีสมคบคิดของตะวันตกสำหรับพรากความมั่งคั่งของแอฟริกา รวมถึงต่อต้านการสวมหน้ากากและมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม
องค์การอนามัยโลกเผยว่า แทนซาเนียหยุดรายงานข้อมูลสถานการณ์การแพร่รระบาดโควิด-19 ในประเทศมาตั้งแต่เดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว โดยจนถึงตอนนั้นประเทศแห่งนี้ รายงานพบผู้ติดเชื้อ 509 ราย และเสียชีวิต 21 คน ความเคลื่อนไหวที่กระตุ้นให้ทางองค์การอนามัยโลกเรียกร้องให้รัฐบาลแทนซาเนียมีความโปร่งใสมากขึ้น
มากูฟูลี ได้รับเลือกตั้งกลับมาดำรงตำแหน่งเป็นสมัย 2 ในปี 2020 ด้วยคะแนนโหวตสูงถึง 84% ในศึกเลือกตั้งที่ฝ่ายค้านปฏิเสธผลการนับคะแนน โดยบอกว่ามันแปดเปื้อนไปด้วยความผิดปกติมากมาย
(ที่มา : รอยเตอร์)
