รถตู้ตำรวจคันหนึ่งถูกวางเพลิงและเกิดเหตุปล้นสะดมในวันเสาร์ (27 ก.พ.) ขณะตำรวจและพวกผู้ชุมนุมเกิดการปะทะกันระหว่างการประท้วงหนล่าสุดซึ่งเป็นคืนที่ 11 ในเมืองบาร์เซโลนา ตามหลังแรปเปอร์รายหนึ่งถูกจับกุมฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกษัตริย์สเปน คดีที่ก่อประเด็นถกเถียงกันในวงกว้างเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพการแสดงออก
สเปนตกอยู่ในภาวะสั่นคลอนจากฝีมือพวกผู้ประท้วงที่โกรธแค้น นับตั้งแต่ศาลพิพากษาคุมขังแรปเปอร์ ปาโปล ฮาเซล เป็นเวลา 9 เดือนเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ จากข้อความต่างๆ บนทวิตเตอร์ซึ่งเขาเชิดชูพวกมือโจมตีก่อการร้าย และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ โยงอดีตกษัตริย์ฆวน การ์ลอส ที่ 1 กับบอสมาเฟียคนหนึ่ง พร้อมกล่าวหาตำรวจเข่นฆ่าผู้ประท้วงและผู้อพยพ
นับตั้งแต่คุมขัง พวกผู้ชุมนุมออกมารวมตัวกันบนท้องถนนเกือบทุกคืน ขณะที่ความไม่พอใจของผู้ประท้วงขยายวงสู่ประเด็นอื่นๆ อย่างกว้างขวาง ในนั้นรวมถึงปัญหาทางสังคม อัตราคนว่างงานของอียูและค่าเช่าที่แพงขึ้นเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าวเอเอฟพีรายงานว่า พบเห็นประท้วงหลายร้อยคนชุมนุมกันในบาร์เซโลนาในวันเสาร์ (27 ก.พ.) เมืองเอกของแคว้นกาตาลุญญา อันเป็นบ้านกิดของฮาเซล อย่างไรก็ตาม พอเข้าสู่ช่วงค่ำการประท้วงก็เสื่อมถอยเข้าสู่พฤติกรรมทำลายทรัพย์สินและปล้นสะดมสาขาธนาคารต่างๆ ซึ่งหนึ่งในนั้นโดนลอบวางเพลิงด้วย
ตำรวจกาตาลุญญาประณาม “พวกก่อจลาจลสวมฮู้ด” เป็นผู้ลงมือโจมตีร้านค้าและสาขาธนาคารต่างๆ พร้อมเผยด้วยว่ามีรถตู้ตำรวจ 1 คันถูกจุดไฟเผา เช่นเดียวกับถังขยะจำนวนมาก
“มีประชาชนราว 10 คนถูกจับกุมระหว่างเหตุปะทะ ในนั้นรวมถึงพวกที่เกี่ยวข้องกับเหตุเผารถตู้ด้วย” จากการเปิดเผยของตำรวจ
การจับกุมฮาเซลวัย 32 ปี เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ โหมกระพือการประท้วงตามเมืองต่างๆ ทั่วสเปน ส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแคว้นกาตาลุญญา และจนถึงตอนนี้มีผู้ประท้วงถูกควบคุมตัวไปแล้วมากกว่า 110 คน
ความเคลื่อนไหวจับกุมและคุมขังฮาเซล ยังกระตุ้นให้เกิดการโต้เถียงเกี่ยวกับสิทธิเสรีภาพการแสดงออก และก่อรอยร้าวระหว่างพรรคโซเชียลิสต์ของนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซ กับพรรคโปเดมอส พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสนับสนุนการชุมนุม
รัฐบาลฝ่ายซ้ายของสเปนตอบสนองต่อคดีนี้ ระบุว่าจะปฏิรูปกฎหมายลิดรอนเสรีภาพที่บังคับใช้โดยรัฐบาลชุดก่อนในปี 2015 ซึ่งตราขึ้นมาเพื่อป้องกันการเชิดชูกลุ่มติดอาวุธต่างๆ นอกจากนี้แล้วกฎหมายยังห้ามหมิ่นประมาททางศาสนา และหมิ่นพระบรมเดชานุภาพสถาบันกษัตริย์ด้วย
ทั้งนี้ รัฐบาลบอกว่าจะปรับแก้กฎหมายให้มีบทลงโทษเบาลง และเล็งเป้าหมายเฉพาะกับพฤติกรรมต่างๆ ที่เสี่ยงต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชน และอาจปลุกปั่นความรุนแรง และจะยึดมั่นอดทนยอมรับสิทธิการแสดงออกรูปต่างๆ ทั้งด้านศิลปะ วัฒนธรรม และปัญญาประดิษฐ์
(ที่มา : เอเอฟพี / MGR)
