xs
xsm
sm
md
lg

แอฟริกาใต้ระงับฉีดวัคซีน “แอสตราเซเนกา” หลังพบมีประสิทธิภาพด้อยลงกับตัวกลายพันธุ์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



แอฟริกาใต้ระงับใช้วัคซีนโควิด-19 ของแอสตราเซเนกา ในโครงการฉีดวัคซีนแก่ประชาชน หลังข้อมูลพบว่ามันมีประสิทธิภาพลดลงในการป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ จนถึงปานกลาง สำหรับตัวกลายพันธุ์ที่่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศของพวกเขา

ซเวลิ เอ็มกีเซ รัฐมนตรีสาธารณสุขของแอฟริกาใต้ ระบุเมื่อวันอาทิตย์ (7 ก.พ.) ว่า รัฐบาลจะรอคำแนะนำจากบรรดานักวิทยาศาสตร์ต่อแนวทางที่ดีที่สุดของการใช้วัคซีน หลังจากผลการทดลองพบว่าวัคซีนแอสตราเซเนกา ไม่ได้ช่วยลดอย่างมีนัยสำคัญต่อการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ 501Y.V2 แบบมีอาการป่วยเล็กๆ น้อยๆ หรือปานกลาง ขณะที่ตัวกลายพันธุ์ดังกล่าวก่อการแพร่ระบาดระลอกสองในประเทศแห่งนี้ เริ่มมาตั้งแต่ช่วงปลายปีที่แล้ว

ก่อนหน้าที่ตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแพร่กระจายได้ง่ายกว่าตัวดั้งเดิมหลายเท่า จะแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง วัคซีนมีประสิทธิภาพอยู่ที่ราวๆ 75% จากการเปิดเผยของคณะนักวิจัย

อย่างไรก็ตาม ในการวิเคราะห์ในเวลาต่อมา ซึ่งอยู่บนพื้นฐานของบรรดาผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ในแอฟริกาใต้ พบว่า มีเพียง 22% ที่มีความเสี่ยงระดับต่ำต่อการติดเชื้อโควิด-19 แบบอาการเล็กๆ น้อยๆ หรือปานกลาง เมื่อเทียบกับกลุ่มอาสาสมัครที่ได้รับยาหลอก

แม้บรรดานักวิจัยบอกว่าตัวเลขดังกล่าวไม่มีนัยสำคัญทางสถิติ สืบเนื่องจากการออกแบบการทดลอง แต่มันก็ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานอย่างน้อย 50% ที่บรรดาคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบกำหนดไว้สำหรับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพต่อต้านไวรัส

ทั้งนี้ ผลการทดสอบดังกล่าวไม่สามารถยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพที่มีต่อผู้ป่วยอาการหนัก หรือผู้ที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล เนื่องจากอาสาสมัครที่เข้ารับการทดสอบ เป็นคนหนุ่มสาวที่สุขภาพแข็งแรง

ทางแอสตราเซเนกา ยังคงเชื่อมั่นว่า วัคซีนจะป้องกันการติดเชื้อแบบมีอาการรุนแรง เนื่องจากวัคซีนสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายเทียบเท่ากับวัคซีนตัวอื่นๆ และเผยว่า พวกเขาได้เริ่มปรับแต่งวัคซีนเพื่อป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ 501Y.V2 แล้ว และการพัฒนาทางคลินิกก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว คาดว่า จะพร้อมใช้งานในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

แอฟริกาใต้หวังฉีดวัคซีนประชาชน 40 ล้านคน หรือ 2 ใน 3 ของจำนวนประชากร เพื่อบรรลุเป้าหมายภูมิคุ้มกันหมู่ในบางระดับ แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มฉีดแม้แต่โดสเดียว

เดิมทีพวกเขาหวังว่าจะเริ่มฉีดวัคซีนแอสตราเซเนกาแก่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอย่างเร็วที่สุด เนื่องจากในวันจันทร์ (8 ก.พ.) จะได้รับวัคซีน 1 ล้านโดสที่ผลิตโดยสถาบันเซรั่มแห่งอินเดีย (SII) แต่ด้วยเหตุนี้ แอฟริกาใต้ จะเลือกฉีดวัคซีนที่พัฒนาโดยจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค แห่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขแทน ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

“สิ่งนี้มีความหมายอย่างไรกับโครงการวัคซีนของเรา ที่เราบอกว่าจะเริ่มในเดือนกุมภาพันธ์? คำตอบคือมันจะเดินหน้าต่อไป” เอ็มกีเซ กล่าว “ตั้งแต่สัปดาห์หน้า ถึง 4 สัปดาห์ข้างหน้า เราคาดหมายว่าจะมีวัคซีนของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จะมีวัคซีนของไฟเซอร์”

ศาสตราจารย์ซาลิม อัลดูล คาริม นักระบาดวิทยาซึ่งเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล บอกว่า มีความจำเป็นต้องใช้แนวทางใหม่ในการสร้างภูมิคุ้มกัน อันเนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนในปัจจุบันที่มีต่อตัวกลายพันธุ์ 501Y.V2

เขาแนะนำว่าวัคซีนโดสแรกควรใช้กับกลุ่มเป้าหมาย เพื่อประเมินอัตราผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ซึ่งหากว่ามันพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการลดผู้ติดเชื้อที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ก็จะได้มีการฉีดอย่างกว้างขวางต่อไป

แต่หากว่ามันไม่มีประสิทธิภาพลดผู้ติดเชื้อที่เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล ผู้ติดเชื้อนั้นๆ ควรได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพอีกโดส ทั้งวัคซีนกระตุ้นบนพื้นฐานของตัวกลายพันธุ์ หรือไม่ก็เป็นวัคซีนตัวอื่นไปเลย อัลดูล คาริมกล่าว

(ที่มา: รอยเตอร์)


กำลังโหลดความคิดเห็น