นิวซีแลนด์ เวียดนาม และไต้หวัน ติดสามอันดับในดัชนีความสามารถในการจัดการเชื้อไวรัสโควิด-19 (COVID Performance Index) จากเกือบ 100 ประเทศและดินแดน และประเทศไทยอยู่ในอันดับที่ 4 ส่วนอังกฤษและสหรัฐฯ อยู่เกือบท้ายสุดของตาราง ขณะที่อันดับสุดท้ายคือบราซิล
สถาบันโลวี (Lowy Institute) ในออสเตรเลีย ระบุว่า ดัชนีดังกล่าวที่เผยแพร่ในวันพฤหัสบดี (28) ไม่มีจีน ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกในเดือนธันวาคมปี 2019 รวมอยู่ด้วย เนื่องจากไม่มีข้อมูลที่เข้าถึงได้อย่างเปิดเผย
ประเทศอื่นๆ ใน 10 อันดับแรก ได้แก่ ไทย ไซปรัส รวันดา ไอซ์แลนด์ ออสเตรเลีย ลัตเวีย และศรีลังกาตามลำดับ หลายประเทศมียอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตน้อยกว่าทั้งในแง่ผลรวมและรายหัว
ทั้งหมด 98 ประเทศและดินแดนถูกประเมินในช่วงเวลา 36 สัปดาห์ ภายหลังแต่ละประเทศมีผู้ติดเชื้อแล้วหลายร้อยราย โดยอาศัยข้อมูลสาธารณะจนถึงวันที่ 9 มกราคม ปี 2021
สถาบันโลวี ระบุว่า ค่าเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อใหม่รายวันในกรอบ 14 วันถูกใช้คำนวณหาตัวเลขผู้ติดเชื้อ จำนวนผู้ติดเชื้อต่อคนหนึ่งล้านคน ตัวเลขผู้เสียชีวิต จำนวนผู้เสียชีวิตต่อคนหนึ่งล้านคน จำนวนผู้ติดเชื้อต่อสัดส่วนการทดสอบ และการทดสอบต่อคนหนึ่งแสนคน
รายงานนี้ออกมาในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 100 ล้านคน ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเกินกว่า 2 ล้านคน
สหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดเชื้อกว่า 25 ล้านคน อยู่ในอันดับที่ 94 ขณะที่อินเดียที่มีผู้ติดเชื้อ 11 ล้านคน อยู่อันดับที่ 86 ส่วนอังกฤษที่มีผู้ติดเชื้อสูงที่สุดในยุโรปติดอันดับที่ 66
ดัชนีนี้แสดงให้เห็นว่า หลายประเทศในเอเชีย-แปซิฟิกประสบความสำเร็จมากที่สุดในการควบคุมการแพร่ระบาด ขณะที่ยุโรปและสหรัฐฯ พ่ายแพ้ให้กับการแพร่ระบาดเฉียบพลันของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างรวดเร็ว
“ระดับของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและความแตกต่างในระบบการเมืองของแต่ละประเทศมีผลกระทบต่อผลลัพธ์น้อยกว่าที่คาดการณ์และเผยแพร่กันมาก” สถาบันโลวีที่ตั้งอยู่ในนครซิดนีย์ ระบุในบทวิเคราะห์
“โดยทั่วไปแล้ว ประเทศที่มีประชากรน้อยกว่า สังคมมีความเหนียวแน่น และสถาบันต่างๆ มีความสามารถ จะมีความได้เปรียบในการรับมือวิกฤตระดับโลก เช่น การแพร่ระบาด”
เวียดนาม ซึ่งใช้การทดสอบแบบมุ่งเป้าและแผนการกักเชื้อแบบรวมศูนย์จนควบคุมการแพร่ระบาดได้สำเร็จ เพิ่งรายงานผู้ติดเชื้อภายในประเทศรายแรกในรอบ 55 วันในวันพฤหัสบดี (28)
ที่มา : รอยเตอร์