จีนระบุในวันพุธ (20 ม.ค.) ต้องการร่วมมือกับรัฐบาลใหม่สหรัฐฯ ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน แต่ขณะเดียวกันก็แถลงคว่ำบาตร ไมค์ พอมเพโอ ว่าที่อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ “ผู้ปลิ้นปล้อนตลบตะแลง” และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ อีก 27 คน ภายใต้รัฐบาลของโดนัลด์ ทรัมป์
ความเคลื่อนไหวนี้เป็นสัญญาณความโกรธเคืองของจีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกรณีที่ พอมเพโอ ใช้วันสุดท้ายของการดำรงตำแหน่ง กล่าวหาปักกิ่งว่ามีพฤติกรรมเข้าข่าย “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ” จากการกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง คำกล่าวหาที่ทาง แอนโทนี บลินเคน ตัวเลือกของไบเดน ในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศ ก็มีมุมมองแบบเดียวกัน
ในความเคลื่อนไหวที่ละทิ้งความสัมพันธ์กับวอชิงตันในยุคของทรัมป์ กระทรวงการต่างประเทศของจีนประกาศคว่ำบาตรในถ้อยแถลงหนึ่งที่ปรากฏบนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกระทรวง ในช่วงเวลาที่ ไบเดน กำลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งพอดี
ถ้อยแถลงระบุว่า พอมเพโอ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ วางแผน ส่งเสริม และบงการ ความเคลื่อนไหวบ้าๆ บอๆ ต่างนานา แทรกแซงกิจการภายในของจีน บ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน ล่วงละเมิดประชาชนชาวจีนและก่อความปั่นป่วนในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างรุนแรง
ในบรรดาเจ้าหน้าที่ที่กำลังพ้นตำแหน่งและอดีตเจ้าหน้าที่ภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ ที่ถูกจีนคว่ำบาตรในครั้งนี้ รวมไปถึง ปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาว, โรเบิร์ต โอไบรเอน และ จอห์น โบลคตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ, อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข, เคลลี คราฟต์ เอกอัครทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ และ สตีฟ แบนนอน ผู้ช่วยระดับสูงของทรัมป์
ภายใต้มาตรการคว่ำบาตร อดีตเจ้าหน้าที่ทั้ง 28 คน และสมาชิกในครอบครัว จะถูกห้ามจากการเดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊า ขณะที่บริษัทและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้จะถูกจำกัดจากการทำธุรกรรมกับจีน
จีนกำหนดมาตรการคว่ำบาตรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลายครั้งในขวบปีที่ผ่านมา แต่การเล็งเป้าหมายเล่นงานทั้งอดีตและว่าที่อดีตเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ มากมายขนาดนี้ในวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีคนใหม่ ถือเป็นการแสดงความรังเกียจอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
พอมเพโอ แถลงมาตรการเล่นงานจีนต่างๆ นานา ในสัปดาห์ท้ายๆ ของการดำรงตำแหน่ง และในวันอังคาร (19 ม.ค.) ประกาศว่ารัฐบาลของประธานาธิบดี ทรัมป์ ได้ข้อสรุปว่า จีนมีพฤติกรรม “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ” จากการกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์ในซินเจียง
บลินเคน บอกในวันเดียวกันว่า เขาเห็นด้วยกับคำประเมินฆ่าล้างเผาพันธุ์ของพอมเพโอ “การบังคับผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เข้าสู่ค่ายกักกัน พยายามลดการศึกษาพวกเขา เพื่อให้ยึดถือต่ออุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่พูดถึง เป็นความพยายาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
จีนยืนกรานปฏิเสธมาตลอดต่อข้อกล่าวหาล่วงละเมิดในมณฑลซินเจียง ทางภาคตะวันตกของประเทศ ดินแดนที่คณะกรรมาธิการสหประชาชาติชุดหนึ่ง บอกว่า มีชาวอุยกูร์และมุสลิมอื่นๆ อย่างน้อย 1 ล้านคน ถูกควบขังอยู่ตามค่ายกักกันต่างๆ
หัว ชุนหยิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ตอบโต้ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับซินเจียง โดยบอกกับสื่อมวลชนในวันพุธ (20 ม.ค.) ว่า “พอมโพโอ พูดจาโกหกมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และนี่ก็เป็นแค่การโกหกหน้าตายอีกครั้งของเขา นักการเมืองสหรัฐฯรายนี้มีชื่อเสียงด้านการโกหกและปลิ้นปล้อน ทำตัวเองให้เป็นตัวตลกและคนโง่”
อย่างไรก็ตาม โฆษกหญิงรายนี้แสดงความหวังว่า “รัฐบาลชุดใหม่จะทำงานร่วมกับจีน ในจิตวิญญาณแห่งการเคารพกันและกัน จัดการกับประเด็นเห็นต่างทั้งหลายอย่างเหมาะสม และหันมาร่วมมือแบบวินวินในภาคต่างๆ เพิ่มเติม เราหวังว่า รัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะสามารถมีเหตุผลของตนเอง และตัดสินประเด็นซินเจียงและประเด็นอื่นๆ อย่างใจเย็น”
(ที่มา : รอยเตอร์)