xs
xsm
sm
md
lg

‘จีน’หวังสัมพันธ์‘สหรัฐฯ’ดีขึ้นในยุคไบเดน แม้ปรากฏร่องรอยความระคายเคือง เมื่อทีมงานใหม่USยังคงวิพากษ์จีน แถมเชิญ‘ผู้แทนไต้หวัน’ร่วม‘พิธีสาบานตน’

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน
จีนแสดงความหวังในวันพฤหัสบดี (21 ม.ค.) ว่า คณะบริหารชุดใหม่ของสหรัฐฯ จะให้โอกาสแก่ประชาชนของประเทศทั้งสองในการเดินหน้าสู่อนาคตอันสดใสยิ่งขึ้น และเพิ่มพูนความสัมพันธ์ที่มีอยู่ระหว่างกัน ภายหลังจากเสื่อมทรุดอย่างหนักในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ รวมทั้งยังไม่ให้น้ำหนักอะไรมากแก่ความระคายเคืองที่เริ่มปรากฏออกมา จากการที่ทีมงานไบเดนวิจารณ์ติเตียนปักกิ่ง และเชื้อเชิญทูตไต้หวันเข้าร่วมพิธีสาบานตัวของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

“ตลอดระยะเวลาสองสามปีที่ผ่านมา คณะบริหารทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง (อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศ ไมค์) พอมเพโอ ได้วางกับระเบิดเอาไว้เป็นจำนวนมากมายเกินไปแล้วในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ซึ่งจำเป็นต้องเก็บกวาดกำจัดทิ้ง ได้เผาสะพานต่างๆ มากมายเกินไปแล้ว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องสร้างขึ้นใหม่ และได้ทำลายถนนหนทางเสียหายมากมายเกินไปแล้ว ซึ่งจำเป็นที่จะต้องได้รับการซ่อมแซม” หัว ชุนอิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน กล่าวในการแถลงข่าวประจำวันตามปกติที่ปักกิ่งในวันพฤหัสบดี

“ดิฉันเชื่อว่าถ้าทั้งสองฝ่ายลงแรงใช้ความพยายามกันแล้ว เทพยดาผู้อารีก็สามารถพิชิตพวกพลังปีศาจร้ายได้” เธอกล่าวโดยใช้วลีซึ่งสื่อของทางการจีนนำมาใช้กัน

เธอบอกว่า “ดิฉันคิดว่าหลังจากผ่านช่วงเวลาอันยากลำบากและพิเศษผิดธรรมดาอย่างยิ่งนี้แล้ว ทั้งประชาชนจีนและประชาชนอเมริกันสมควรที่จะได้มีอนาคตที่ดียิ่งขึ้นกว่านี้”

หัว ย้ำว่า จีนกับสหรัฐฯจำเป็นที่จะต้องเปิดความร่วมมือกันอีกครั้งในด้านต่างๆ จำนวนมาก เธอแสดงความยินดีอย่างเจาะจงสำหรับการที่คณะบริหารไบเดนตัดสินใจยังคงเป็นสมาชิกองค์การอนามัยโลกต่อไป และหวนกลับเข้าผูกพันกับข้อตกลงปารีสว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศอีกครั้ง

“ผู้คนที่มีทัศนะกว้างไกลเป็นจำนวนมากในประชาคมระหว่างประเทศ กำลังตั้งตารอคอยให้ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯย้อนกลับคืนสู่เส้นทางที่ถูกต้องตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อจะได้สร้างคุณูปการที่คั่งค้างอยู่ ในการร่วมมือกันแก้ไขคลี่คลายความท้าทายอันสำคัญและเร่งด่วนต่างๆ ที่กำลังเผชิญหน้าโลกอยู่ในทุกวันนี้” เธอบอก

ก่อนหน้านี้เมื่อวันพุธ โฆษกผู้นี้ได้เรียกพอมเพโอว่าเป็น “ตัวตลกที่คอยแต่พูดถึงวันโลกาวินาศ” และกล่าวว่าการที่พอมเพโอถือโอกาสช่วงสุดท้ายก่อนตัวเองพ้นตำแหน่ง ออกมากล่าวหาในวันอังคาร (19) โดยระบุว่า ปักกิ่งมีพฤติกรรมเข้าข่าย “ล้างเผ่าพันธุ์ และก่ออาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ” จากการกดขี่ชาวอุยกูร์และชาวมุสลิมอื่นๆ ในซินเจียงนั้น พอมเพโอเป็นเพียงแค่ “เศษกระดาษที่ถูกโยนทิ้ง” เท่านั้น

“พอมโพโอ พูดจาโกหกมากมายในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และนี่ก็เป็นแค่การโกหกหน้าตายอีกครั้งของเขา นักการเมืองสหรัฐฯรายนี้มีชื่อเสียงด้านการโกหกและปลิ้นปล้อน ทำตัวเองให้เป็นตัวตลกและคนโง่”

ต่อมา กระทรวงการต่างประเทศของจีนได้ประกาศการลงโทษคว่ำบาตรพอมเพโอและเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ ของคณะบริหารทรัมป์อีกเกือบๆ 30 คน โดยประกาศนี้อยู่ในรูปคำแถลงฉบับหนึ่งที่เผยแพร่บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของกระทรวง ในช่วงเวลาที่ ไบเดน กำลังเข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งอยู่ที่กรุงวอชิงตันพอดี ซึ่งตรงกับประมาณตี 1 ย่างเข้าวันพฤหัสบดี ตามเวลาในปักกิ่ง

คำแถลงระบุว่า พอมเพโอ และเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เหล่านี้ วางแผน ส่งเสริม และบงการ ความเคลื่อนไหวบ้าๆ บอๆ ต่างๆ นานา แทรกแซงกิจการภายในของจีน บ่อนทำลายผลประโยชน์ของจีน ล่วงละเมิดประชาชนชาวจีนและก่อความปั่นป่วนในความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐฯ อย่างรุนแรง

สำหรับมาตรการคว่ำบาตรนี้ อดีตเจ้าหน้าที่เหล่านี้ พร้อมทั้งพวกสมาชิกในครอบครัวของพวกเขา จะถูกห้ามเดินทางเข้าจีนแผ่นดินใหญ่ ฮ่องกง และมาเก๊า ขณะที่บริษัทและองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลเหล่านี้จะถูกจำกัดการทำธุรกรรมกับจีน

ผู้ที่ถูกจีนลงโทษคว่ำบาตร นอกจากพอมเพโอแล้ว ยังมีปีเตอร์ นาวาร์โร ที่ปรึกษาด้านการค้าทำเนียบขาว, โรเบิร์ต โอไบรอัน ที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงแห่งชาติ, อเล็กซ์ อาซาร์ รัฐมนตรีสาธารณสุข, เคลลี คราฟต์ เอกอัครทูตสหรัฐฯ ประจำองค์การสหประชาชาติ ตลอดจน จอห์น โบลตัน อดีตที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติ และ สตีฟ แบนนอน อดีตหัวหน้านักยุทธศาสตร์ประจำทำเนียบขาว

อย่างไรก็ตาม ปรากฏว่าในวันอังคาร (19) วันเดียวกับที่พอมเพโอกล่าวหาจีนล้างเผ่าพันธุ์ชาวอุยกูร์ในซินเจียงนี้เอง ทางด้าน แอนโทนี บลิงเคน ผู้ซึ่งไบเดนเสนอชื่อให้ป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ ได้ออกมาบอกว่าเขาก็มีมุมมองแบบเดียวกันนี้

บลิงเคน ซึ่งกล่าวเรื่องนี้ระหว่างให้ปากคำต่อวุฒิสภาสหรัฐฯที่กำลังพิจารณาเพื่อรับรองการที่ไบเดนเสนอชื่อเขาเข้าคุมกระทรวงการต่างประเทศ บอกว่าเห็นด้วยกับคำประเมินของพอมเพโอ พร้อมกับแจกแจงว่า “การบังคับผู้ชาย ผู้หญิงและเด็ก เข้าสู่ค่ายกักกัน พยายามลดการศึกษาพวกเขา เพื่อให้ยึดถืออุดมการณ์พรรคคอมมิวนิสต์จีน ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลที่พูดถึง เป็นความพยายามล้างเผ่าพันธุ์”

เขาบอกด้วยว่า “ไม่มีข้อสงสัยเลย” ว่า จีนแสดงท่าทีที่ควรต้องถือเป็นความท้าทายสำคัญที่สุดของสหรัฐฯยิ่งกว่าชาติใดๆ และเขาเชื่อว่ามีพื้นฐานอันแข็งแรงมากๆ ที่จะสร้างนโยบายสหรัฐฯเพื่อลุกขึ้นยืนหยัดต่อสู้กับจีน ในแบบเป็นที่เห็นพ้องต้องกันของ 2 พรรคใหญ่

ขณะเดียวกัน เจเนต เยลเลน อดีตประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ไบเดนเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีคลัง ก็ได้กล่าวในการให้ปากคำที่วุฒิสภาวันอังคารเช่นกันว่า เธอจะ “ต่อสู้กับการปฏิบัติในทางการค้าอย่างล่วงละเมิด, ไม่เป็นธรรม, และผิดกฎหมายของจีน”

ไม่เพียงเท่านี้ ในวันพุธ เอมิลี โฮม โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของไบเดน ก็ได้ออกคำแถลงแสดงความไม่พอใจว่า การที่จีนดำเนินการแซงก์ชั่นอดีตเจ้าหน้าที่คณะบริหารทรัมป์ ในวันสาบานตัวของไบเดน “กำลังดูเหมือนเป็นความพยายามที่จะเล่นเกมเพื่อให้เกิดความแตกแยกกันระหว่างฝ่ายต่างๆ”

คำแถลงของเธอกล่าวว่า “ชาวอเมริกันของทั้งสองพรรคควรวิพากษ์วิจารณ์ความเคลื่อนไหวที่ไม่เป็นผลดีอะไรและอยู่ในลักษณะของคนชอบเยาะเย้ยถากถางคนอื่นเช่นนี้” และระบุด้วยว่า “ประธานาธิบดีไบเดนตั้งตารอคอยที่จะได้ทำงานกับเหล่าผู้นำของทั้งสองพรรค ในการกำหนดจุดยืนของอเมริกาเพื่อแข่งขันเอาชนะจีน”

ความตึงเครียดในเรื่องไต้หวัน

ยังมีสัญญาณของความตึงเครียดที่คุกรุ่นอยู่ ระหว่างคณะบริหารไบเดนกับจีนอีกประการหนึ่งปรากฏขึ้นมา เมื่อ เซียว ปี้คิม ผู้แทน หรือก็คือเอกอัครราชทูตในทางพฤตินัยของไต้หวันประจำสหรัฐฯ ได้รับเชื้อเชิญอย่างเป็นทางการให้เข้าร่วมพิธีสาบานตัวของไบเดนเมื่อวันพุธ (20) โดยถือเป็นครั้งแรกหลังจากปี 1979 เป็นต้นมาที่ตัวแทนไต้หวันได้รับเชิญเช่นนี้

เซียวได้โพสต์คลิปวิดีโอของตัวเธอเองอยู่ในพิธีดังกล่าว โดยบอกว่า “รู้สึกเป็นเกียรติที่ได้เป็นตัวแทนของประชาชนและรัฐบาลของไต้หวัน ณ ที่นี้ ในพิธีสาบานตนของประธานาธิบดีไบเดนและรองประธานาธิบดีแฮร์ริส”

เธอกล่าวต่อไปว่า “ประชาธิปไตยเป็นภาษาร่วมของพวกเรา และเสรีภาพเป็นวัตถุประสงค์ร่วมของพวกเรา”

อย่างไรก็ตาม เมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามในวันพฤหัสบดี ทั้งเรื่องผู้แทนไต้หวัน และเรื่องเจ้าหน้าที่คณะบริหารไบเดนวิพากษ์วิจาณ์ปักกิ่ง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ หัว ได้ตอบโดยทั้งปกป้องการแซงก์ชั่นอดีตเจ้าหน้าที่ของทรัมป์ ขณะเดียวกันก็ยืนยันอีกครั้งว่า จีนคัดค้านการติดต่ออย่างเป็นทางการใดๆ ระหว่างสหรัฐฯกับไต้หวัน พร้อมกันนั้นเธอกล่าวว่าจีนจะต่อสู้ตอบโต้ความเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตามที่เป็นการบ่อนทำลายอธิปไตยหรือผลประโยชน์ของตน

แต่ หัว ผู้ซึ่งกล่าวว่าเธอก็ได้ชมพิธีสาบานตนของไบเดนนี้ทางโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ก็ยังคงย้ำว่าประเทศทั้งสองควรร่วมมือกันและเข้าอกเข้าใจกัน

“ประธานาธิบดีไบเดนยังได้พูดในคำปราศรัยเข้ารับตำแหน่งของเขาว่า ชาวอเมริกันมีอะไรมากมายที่จะต้องบำบัดเยียวยา มีอะไรมากมายที่จะต้องฟื้นฟู นี่แหละก็เป็นสิ่งที่ความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯเรียกร้องต้องการ” เธอกล่าว

(ที่มา: เอพี/รอยเตอร์/เอเอฟพี)

ไมค์ พอมเพโอ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ผู้เพิ่งพ้นตำแหน่งตามการหมดวาระเป็นประธานาธิบดีของ โดนัลด์ ทรัมป์
กำลังโหลดความคิดเห็น