xs
xsm
sm
md
lg

ไทยสะดุ้งด้วย! ลือสะพัดผลวิจัยพบวัคซีนจีน “ซิโนวัค” มีประสิทธิภาพไม่ถึง 60%

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วัคซีนไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่พัฒนาโดยซิโนวัค ไบโอเอ็เทค บริษัทสัญชาติจีน มีประสิทธิภาพโดยทั่วไปไม่ถึง 60% ในการทดลองขั้นสุดท้ายในบราซิล เว็บไซต์ข่าวแห่งหนึ่งอ้างแหล่งข่าว 2 คนที่พบเห็นผลการทดลอง รายงานเมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.)แต่ศูนย์การแพทย์ของเมืองเซาเปาลูซึ่งร่วมในการทดลองและผลิตวัคซีนตัวนี้
ออกมาปฏิเสธข่าว โดยระบุว่าเป็นการคาดเดาล้วนๆ และกำลังจะเผยแพร่ผลการเทสต์ฉบับสมบูรณ์ออกมา กระนั้น ข่าวคราวที่น่าจะสร้างความกังวลในวงกว้าง ในนั้นรวมถึงประเทศไทย ซึ่งเพิ่งมีข่าวว่าเตรียมจัดซื้อวัคซีนตัวดังกล่าวจำนวน 2 ล้านโดส และจะเริ่มส่งมอบชุดแรกๆ ในช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์



ศูนย์ชีวการแพทย์บูตันตันของเมืองเซาเปาลู ซึ่งจับมือเป็นพันธมิตรกับ ซิโนวัค ในการทดลองและผลิตวัคซีนโควิด-19 ในบราซิล ได้ปฏิเสธรายงานข่าวดังกล่าว โดยบอกว่า มันเป็น “การคาดเดาล้วนๆ” และพวกเขาเตรียมเผยแพร่รายงานผลการทดลองฉบับสมบูรณ์กว่าในวันอังคาร (12 ม.ค.)

พวกผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และคณะผู้ควบคุมกฎระเบียบวิพากษ์วิจารณ์รายงานข่าวของสื่อมวลชนบราซิลในครั้งนี้ ต่อสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าเป็นการเปิดเผยผลการศึกษาที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

ดิมาส โควาส ผู้อำนวยการศูนย์ชีวการแพทย์บูตันตัน ซึ่งดูแลการทดลองขั้นสุดท้ายวัคซีนซิโนวัคในบราซิล ระบุว่า ผลจากการวิเคราะห์อย่างต่อเนื่อง พบอัตรา “ประสิทธิภาพโดยทั่วไป” ใหม่ เพิ่มเติมจากประสิทธิภาพทางคลินิกที่แถลงออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ในวันพฤหัสบดีที่แล้ว (7 ม.ค.) พวกนักวิจัยบราซิลระบุว่า วัคซีนมีประสิทธิภาพ 78% กับเคสโควิด-19 อาการเล็กๆ น้อยๆ และสามารถป้องกันได้อย่างสิ้นเชิงต่อเคสอาการรุนแรง แต่พวกผู้เชี่ยวชาญอิสระ เรียกร้องขอให้มีความโปร่งใส่มากกว่านี้ ต่อสิ่งที่ค้นพบจากการทดลองขั้นที่ 3 ของวัคซีนซิโนวัค ที่มีชื่อว่า “โคโรนาวัค”

เมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) องค์การอาหารและยาอินโดนีเซีย อนุมัติวัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่พัฒนาโดย ซิโนวัค ไบโอเทค ของจีน เพื่อใช้กรณีฉุกเฉิน บนพื้นฐานของข้อมูลภายในที่พบว่ามันมีประสิทธิภาพ 65%

ขณะที่เว็บไซต์ข่าว UOL ของบราซิล รายงานโดยอ้างแหล่งข่าว 2 รายว่า อัตราประสิทธิภาพของวัคซีนชิโนวัค ที่ทางศูนย์ชีวการแพทย์บูตันตันเตรียมแถลงในวันอังคาร (12 ม.ค.) น่าที่อยู่ที่ราวๆ 50% ถึง 60% เกินอัตราประสิทธิภาพ 50% ตามที่องค์การอนามัยโลกแนะนำและตามที่คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบกำหนดไว้ แต่ถือว่าต่ำกว่าอัตราที่เปิดเผยออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อย่างไรก็ดี ศูนย์บูตันตันออกมาปฏิเสธว่า นี่เป็นเพียงการคาดเดา

คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบในบราซิล อยู่ระหว่างพิจารณาอนุมัติใช้ในกรณีฉุกเฉินวัคซีนของจีน และวัคซีนอีกตัวที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกับบริษัท แอสตราเซเนกา ในขณะที่ประเทศแห่งนี้ต้องสูญเสียชีวิตผู้คนในโรคระบาดใหญ่ไปแล้วมากกว่า 200,000 คน นับเป็นชาติที่มีผู้เสียชีวิตสะสมจากโควิด-19 มากสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสหรัฐฯ

การที่ผลการศึกษาวิจัยวัคซีนโคโรนาวัคค่อยๆ เปิดเผยทีละเล็กละน้อย ก่อความกังวลว่าบรรดาวัคซีนที่พัฒนาโดยเหล่าผู้ผลิตสัญชาติจีน อาจไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างละเอียดจากภายนอก ดังเช่นวัคซีนอื่นๆ ของสหรัฐฯและยุโรป

แต่ในการให้สัมภาษณ์กับเว็บไซต์ข่าว UOL เมื่อวันจันทร์ (11 ม.ค.) โควาส บอกว่าสถาบันบูตันตัน ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐเซาเปาลู ให้ความสำคัญกับการมอบข้อมูลแก่ อันวิซา คณะผู้ควบคุมกฎระเบียบบราซิลเป็นลำดับต้นๆ และยังคงอยู่ระหว่างการวิเคราะห์ผลการทดลองคู่ขนาน

โควาส บอกว่า ท้ายที่สุดแล้วทางสถาบันจะมอบข้อมูลที่สมบูรณ์แก่ที่ประชุมทางวิทยาศาสตร์หนึ่งในสัปดาห์นี้ เพื่อทำการแถลงต่อไป

อันวิซา เปิดเผยเมื่อวันเสาร์ (9 ม.ค.) ว่า เอกสารจากบูตันตันที่ยื่นขออนุัติใช้วัคซีนซิโนวัคในกรณีฉุกเฉิน ยังขาดข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวข้องสำหรับวิเคราะห์ศึกษาผลวิจัย อย่างเช่น อายุ, เพศ และโรคประจำตัวของอาสาสมัคร

โควาสชี้ว่า แนวทางบริหารจัดการของอันวิซาต่อวัคซีนของซิโนวัค ได้ก่อความสงสัยเกี่ยวกับความเป็นอิสระของหน่วยงานรัฐบาลกลางแห่งนี้ และซ้ำเติมความตึงเครียดระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐเซาเปาลู กับรัฐบาลของประธานาธิบดี ฌาอีร์ โบลโซนารู ด้วยผู้นำรายนี้ดูหมิ่นดูแคลนวัคซีนของจีนมาตลอด

ข่าวลือเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนโคโรนาวัค ถูกนำเสนออกมาไม่นานหลังจากเมื่อ องค์การอนามัยโลก (WHO) ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ไทยจะจัดซื้อวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งพัฒนาโดยซิโนวัค ไบโอเทค บริษัทเภสัชภัณฑ์ของจีน จำนวน 2 ล้านโดส

องค์การอนามัยโลกประจำประเทศไทย ระบุว่า กระทรวงสาธารณสุขของไทย คาดการณ์ว่า วัคซีนชุดแรก 200,000 โดส จะขนส่งถึงไทยช่วงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ชุดสอง 800,000 โดส ช่วงสิ้นเดือนมีนาคม และอีก 1 ล้านโดส ช่วงสิ้นเดือนเมษายน

อย่างไรก็ตาม กระทรวงฯ ประเมินว่า ไทยจะมีวัคซีนอีก 26 ล้านโดส ซึ่งใช้สูตรยาและเทคโนโลยีของมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกา (Oxford University-AstraZeneca) รวมถึงผลิตในประเทศโดย สยาม ไบโอไซเอนซ์ (Siam Bioscience) ภายในสิ้นเดือนพฤษภาคม

(ที่มา:รอยเตอร์/mgronline)


กำลังโหลดความคิดเห็น