บรรดาต้นคริสต์มาสของ แฟรงค์ พิเชล คงจะไม่มีทางที่จะได้รับเกียรติให้เป็นประมาณว่า “ต้นคริสต์มาสแห่งปี” ที่จะถูกประดับประดาด้วยแสงไฟเจิดจรัสตระการตา และถูกจัดวางโดดเด่นเป็นสง่า ณ โลเกชั่นสำคัญของมหานครนิวยอร์ก คือด้านหน้าของร็อกกี้เฟลเลอร์ เซนเตอร์ เพราะเจ้าต้นสนเวอร์จิเนียของพิเชลดูละม้ายต้นคริสต์มาสอันห่อเหี่ยวและแสนจะแกร็นน่าสงสารของชาร์ลี บราวน์ ซึ่งสุดยอดโด่งดังอยู่ในหนังการ์ตูนเรื่อง “อะ ชาร์ลี บราวน์ คริสต์มาส” (A Charlie Brown Christmas) หนังการ์ตูนเด็กปี 1965 ที่ได้ขึ้นชั้นเป็นผลงานคลาสสิกกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กระนั้นก็ตาม พิเชล และบรรดาลูกค้าของเขาไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไรที่จะนำต้นสนเวอร์จิเนียห่อเหี่ยวน่าสงสารมาตกแต่งเป็นต้นคริสต์มาสในปี 2020 อันเป็นปีซึ่งแทบไม่มีอะไรเป็นเรื่องปกติธรรมดา ดังจะเห็นได้ว่าต้นไม้ใบลู่ๆ โอนๆ เอนๆ ของพิเชลกลับขายออกไปได้เรื่อยๆ จนหมดเกลี้ยงจากพื้นที่ว่างเล็กๆ ใกล้บ้านซึ่งเขานำบรรดาต้นสนเวอร์จิเนียในที่ดินของตนเอง มาตั้งโชว์เสนอขายแก่ชาวเมืองริชมอนด์ตั้งแต่เมื่อเดือนพฤศจิกายน เพื่อรวบรวมรายได้ทั้งหมดโดยไม่หักค่าใช้จ่าย มอบเป็นเงินบริจาคให้แก่โรงเรียนมัธยมเอกชนแห่งหนึ่งที่ดำเนินโครงการทุนการศึกษาสำหรับคุณน้องๆ นักเรียนลูกหลานคนยากคนจนในริชมอนด์
ลูกค้ารายหนึ่ง นาม คัมม์ ไทเลอร์ อายุอานาม 36 ปี และมีอาชีพเป็นที่ปรึกษาด้านดิจิตอล
เฝ้ามองต้นไม้ที่ดูไม่เป็นรูปไม่เป็นทรงเลือกซื้อจากพิเชล เขาจับมันให้ตั้งขึ้นมาพิงกับรั้วพินิจพิจารณา ขณะเตรียมที่จะขนย้ายมันไปเป็นต้นคริสต์มาสประจำบ้าน
“นี่แหละคือต้นไม้ที่สมบูรณ์แบบสำหรับปี 2020” ไทเลอร์รำพึงอย่างนั้น
โรงเรียนมัธยม แอนนา จูเลีย คูเปอร์ อิพิสโคพัล (Anna Julia Cooper Episcopal School)
ในย่านอีสต์เอนด์ ของเมืองริชมอนด์ รัฐเวอร์จิเนีย เริ่มต้นขึ้นมาในปี 2009 โดยชาวเมืองที่เป็นคณะนักบวชและสาธุชนลูกวัดนิกายอิพิสโคพัล (นิกายหนึ่งศาสนาคริสต์ อยู่ในเครือของนิกายแองกลิคัน) ซึ่งต้องการช่วยเหลือเด็กๆ จากครอบครัวผู้มีรายได้น้อยให้ได้เปลี่ยนแปลงวงจรชีวิต โรงเรียนที่ดำเนินการโดยอิงกับหลักคำสอนทางศาสนาแห่งนี้ ได้รับเงินทุนดำเนินงานทั้งหมดจากบรรดาผู้บริจาคและนานามูลนิธิท้องถิ่น ทุกวันนี้ น้องๆ นักเรียนทั้ง 118 คนของโรงเรียน ล้วนได้รับทุนการศึกษาแบบเต็มร้อย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรอื่นแม้แต่เซนต์เดียว
พิเชล ศิลปินนักทำหนังการ์ตูนโฆษณา และเป็นอาจารย์พิเศษสอนอยู่ที่มหาวิทยาลัย
เวอร์จิเนีย คอมมอนเวลธ์ ผู้ชายนิสัยดีคนนี้ไม่มีลูก อีกทั้งไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับโรงเรียน แต่เขาเกิดแรงบันดาลใจขึ้นมาหลังจากที่ได้บริจาคอุปกรณ์กีฬาบางอย่างให้แก่โรงเรียนเมื่อสองสามปีที่ผ่านมา โดยเขามุ่งมั่นขึ้นมาว่าเขาอยากทำอะไรให้มากขึ้นในปีนี้
จินตนาการของศิลปินหนุ่มหวนคิดไปถึงพวกต้นสนเวอร์จิเนียที่มีรูปร่างผอมสูง กิ่งก้านของไม้สนพรรณนี้ไม่สู้จะแข็งแรง มันคอยแต่จะโอนเอน พิเชลมีต้นสนแบบนี้งอกเงยขึ้นกันตามใจชอบ สไตล์ไม้ป่า บนที่ดินผืนใหญ่ 66 เอเคอร์ (ราว 167 ไร่) ที่เขาเป็นเจ้าของ ซึ่งอยู่ห่างจากริชมอนด์ไปทางตะวันตกโดยใช้เวลาขับรถประมาณ 2 ชั่วโมง
จะมีใครต้องการต้นสนพวกนี้ไปใช้เป็นต้นคริสต์มาสในบ้านของพวกเขากันบ้างไหม หนุ่มพิเชลสงสัย?
ต้นไม้ของพิเชลไม่ได้เหมือนกับต้นสนที่มีกิ่งก้านสมบูรณ์รูปทรงเพอร์เฟคต์ดั่งที่คนจำนวนมากนิยมซื้อเพื่อใช้ประดับตกแต่งเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาส ตรงกันข้าม แทบทั้งหมดมีแต่ความผอมกะหร่องแลดูไม่เป็นรูปไม่เป็นทรง
ทว่า พิเชล ก็ตัดสินใจที่จะลองดูสักหนหนึ่ง
ตอนแรกทีเดียว เขาคัดเลือกเฉพาะต้นที่ดูดีที่สุดจากที่ดินของเขา โดยคิดว่ามันอาจจะดึงดูดใจผู้ซื้อได้มากขึ้น แต่แล้วเขาก็คิดไปถึงเจ้าต้นไม้รูปร่างหน้าตาเศร้าเหงาในหนังการ์ตูน ชาร์ลี บราวน์ ที่ผลิตขึ้นเป็นพิเศษสำหรับฉายทางทีวีช่วงคริสต์มาสเรื่องนั้น
พวกต้นไม้ของเขาน่ะสูงกว่าของ ชาร์ลี บราวน์ อยู่หรอก แต่ก็ดูกระเซอะกระเซิงไม่เป็นรูปเป็นทรงพอๆ กัน
“เมื่อคนเขาต้องการได้ต้นไม้แบบชาร์ลี บราวน์ พวกเขาต้องการความโดดเด่นไม่เหมือนใครและความแปลกผิดแผกจากคนอื่น ดังนั้น จึงปรากฏผลออกมาว่าพวกต้นที่มีกิ่งก้านน้อยที่สุดกลับขายออกไปได้รวดเร็วที่สุด เพราะมันคล้ายๆ กับของ ชาร์ลี บราวน์ มากกว่านั่นเอง” พิเชล บอกสำนักข่าวเอพีอย่างนั้น
พิเชล ตัดต้นสนในที่ดินของเขาลงมา 70 ต้น จัดแจงลำเลียงใส่ท้ายรถปิกอัพ และเริ่มต้นขายมันตั้งแต่ช่วงหลังวันขอบคุณพระเจ้า (วันขอบคุณพระเจ้าในสหรัฐฯปีนี้ตรงกับวันที่ 26 พฤศจิกายน) สถานที่จำหน่ายของเขาคือพื้นที่ว่างแปลงเล็กๆ มีหญ้าเขียว ซึ่งเขาเช่ามาในราคา 1 ดอลลาร์จากเจ้าของผู้ใจบุญ 2 คนซึ่งก็ต้องการร่วมช่วยเหลือด้วย
กระแสตอบรับอันล้นหลามทำให้พิเชลประหลาดใจอย่างที่สุด สิริรวมแล้วเขาขายต้นไม้ไปได้ทั้งหมด 180 ต้น โดยขายเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ 3 อาทิตย์ และระดมเงินบริจาคให้โรงเรียนได้ทั้งสิ้น 5,554 ดอลลาร์ ทั้งนี้ เขาบอกให้คนซื้อเลือกจ่ายด้วยราคาที่กำหนดขึ้นเองตามใจชอบ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้เงินกันต้นละ 20 ดอลลาร์ จนถึง 50 ดอลลาร์
“มีบางคนแค่แวะเข้ามา บอกว่า ‘ไม่อยากได้ต้นไม้หรอก แต่อยากจะร่วมบริจาคด้วย’” หนุ่มศิลปินเล่า
เร อัลวาเรซ นักเขียนภาพประกอบและนักดนตรี บอกว่า เขากับภรรยาชื่นชอบความรู้สึกหวนระลึกถึงอดีตที่ผ่านมา และ “สุนทรียศาสตร์แบบชาร์ลี บราวน์” ที่ปรากฏผ่านต้นไม้ของพิเชล
“ผมโตขึ้นมากับมันจริงๆ โตขึ้นมากับมันแบบเต็มตื้นเลย” อัลวาเรซ พูด
อัลวาเรซกล่าวว่า การซื้อต้นไม้ที่ไม่ได้มีความเพอร์เฟคต์ยังสอดคล้องกับความปรารถนาของเขาที่จะหลีกเลี่ยงการทำให้คริสต์มาสกลายเป็นแค่เทศกาลที่เต็มไปด้วยการหาประโยชน์ทางการค้า และเพื่อใช้สอนลูกชายวัย 2 ขวบของเขาให้เกิดความชื่นชมซาบซึ้งกับสิ่งเรียบๆ ง่ายๆ ในชีวิต
“ในฐานะเป็นคนทำงานด้านศิลปะคนหนึ่ง ผมรู้ดีว่ามันไม่สำคัญหรอกว่าคุณมีอะไร แต่ที่สำคัญแล้ว มันคือสิ่งที่คุณจะทำกับสิ่งที่คุณมีต่างหากล่ะ” อัลวาเรซ บอก “คุณให้ความรักสักนิดสักหน่อยแก่ต้นไม้ซึ่งคุณมี ต้นไม้ที่มีกิ่งอยู่ไม่กี่กิ่งนี่แหละ”
ขณะที่ อัลวาเรซ เลือกต้นไม้ที่ต้องการออกมาต้นหนึ่ง แมรี เจน ดาร์วิลล์ ก็เล่นเพลงธีมจากหนังการ์ตูนเรื่อง “อะ ชาร์ลี บราวน์ คริสต์มาส” รวมทั้งเพลงคริสต์มาสตามประเพณีเพลงอื่นๆ จาก ฮาร์ป ตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่บนทางเดินถัดจากพื้นที่ขายของ พิเชล ทั้งนี้ ดาร์วิลล์นั้นเคยเจอกับ พิเชล ที่สวนสาธารณะของท้องถิ่นซึ่งจัดเตรียมไว้ให้สุนัขวิ่งเล่น และเธอเสนอตัวเล่นเพลงคริสต์มาสให้ในทันทีที่เธอทราบมาว่า พิเชล กำลังหาเงินเพื่อบริจาคให้โรงเรียน
“ต้นไม้พวกนี้ มันเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณทั้งหมดของ ชาร์ลี บราวน์ คริสต์มาส” สาวดาร์วิลล์พรรณนาความชื่นชมจากเบื้องลึกในใจ
ไมก์ มารูคา อาจารย์ใหญ่ของโรงเรียน บอกว่า การที่ชุมชนมีความกระตือรือร้นต้อนรับต้นไม้ของ พิเชล มีส่วนมาจากการที่ “ผู้คนต้องการช่วยเหลือเพื่อนบ้านของตน” ซึ่งในกรณีนี้คือ โรงเรียน มารูคาบอกด้วยว่า อารมณ์ความรู้สึกนี้อาจจะแรงกล้าเป็นพิเศษในปีนี้ เนื่องจากผู้คนมีประสบการณ์ร่วมกันในความหายนะที่เกิดจากโรคระบาดใหญ่ไวรัสโคโรนา
“บางทีพวกเราทั้งหมดอาจมีความรู้สึกว่า เราเองก็มีอะไรโน่นนิดนี่หน่อยเหมือนกับต้นคริสต์มาสของ ชาร์ลี บราวน์ เมื่อคิดถึงปี 2020” อาจารย์ใหญ่กล่าวอย่างนั้น และบอกด้วยว่า "ผมไม่คิดว่าพวกเราจะรู้สึกตนเองเป็นต้นไม้ที่แข็งแรงและมีรูปร่างสัดส่วนเหมาะเจาะหรอก พวกเราล้วนแต่เป็นต้นไม้ที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยฟกช้ำ”
(ที่มา: เอพี, วิกิพีเดีย, วิกิมีเดีย คอมมอนส์, www.imdb.com)