สายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ดูเหมือนไม่ก่ออาการป่วยรุนแรงมากกว่าตัวกลายพันธุ์อื่นๆ จากผลการศึกษาแบบจับคู่ของสำนักงานสาธารณสุขแห่งอังกฤษ
พวกนักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ตัวกลายพันธุ์ สามารถแพร่กระจายเชื้อได้รวดเร็วกว่าเดิม โดยมันถูกพบในอังกฤษในช่วงกลางเดือนธันวาคม ทำให้ประเทศอื่นๆ กำหนดข้อจำกัดด้านการเดินทางมายังสหราชอาณาจักร จากนั้นอีกหลายประเทศก็รายงานพบตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน
ในการศึกษาครั้งนี้ พวกนักวิจัยเปรียบเทียบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 1,769 คน กับผู้ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดั้งเดิม หรือสายพันธุ์ก่อโรค (Wild type virus) จำนวนเดียวกัน โดยเทียบทั้งสองกลุ่มแบบ 1 ต่อ 1 บนพื้นฐานของอายุ, เพศ, ถิ่นพักอาศัยและช่วงเวลาของการตรวจเชื้อ
ทั้งนี้ ในบรรดา 42 คนที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล มีผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ 16 คน และผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม 26 คน ส่วนในแง่ของผูู้เสียชีวิต มีผู้เสียชีวิตจากเคสกลายพันธุ์ 12 ราย ส่วนเคสสายพันธุ์ดั้งเดิมเสียชีวิต 10 คน
ผลการศึกษาเบื้องต้นตามกลุ่มประชากร ไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติในบรรดาผู้เข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และเคสเสียชีวิตในรอบ 28 วัน ระหว่างผู้ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์กับผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ดั้งเดิม
นอกจากนี้แล้ว รายงานระบุว่าไม่พบความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในความเป็นไปได้ของการติดเชื้อซ้ำตัวกลายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เมื่อเทียบกับตัวกลายพันธุ์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาพบอัตราป่วยระลอกสอง (secondary attack rate) สูงกว่า ในคนที่ติดเชื้อตัวกลายพันธุ์ใหม่ของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
ก่อนหน้านี้เมื่อวันอังคาร (29 ธ.ค.) แอนดรูว์ เฮย์วาร์ด นักระบาดวิทยาชั้นนำ ในฐานะที่ปรึกษาของรัฐบาล เตือนว่าสหราชอาณาจักรกำลังมุ่งหน้าสู่หายนะในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า หากว่าไม่ใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นในการรับมือกับตัวกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาสายพันธ์ใหม่ที่แพร่เชื้อง่ายกว่าเดิม
สหราชอาณาจักรรายงานพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ 53,135 คนในวันอังคาร (29 ธ.ค.) สูงสุดนับตั้งแต่เริ่มโครงการตรวจเชื้อหมู่ในช่วงกลางปี 2020 ขณะที่นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน เห็นชอบปรับให้อีกหลายพื้นที่ขึ้นสู่ข้อจำกัดขั้นสูงสุด หรือเทียร์ 4
สำหรับมาตรการคุมเข้มระดับเทียร์ 4 จะมีความเข้มงวดเทียบเท่ากับมาตรการล็อกดาวน์ปิดเมืองทั่วประเทศครั้งที่ 2 ซึ่งรัฐบาลอังกฤษเคยบังคับใช้เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยประชาชนในพื้นที่ดังกล่าวจะต้องอยู่แต่ภายในบ้าน ยกเว้นมีเหตุจำเป็น เช่น เดินทางไปเรียนหรือทำงาน และจะไม่อนุญาตให้ผู้คนจากต่างครัวเรือนรวมตัวในที่เดียวกัน
ขณะเดียวกัน บรรดาร้านค้าที่ไม่จำเป็น ร้านทำผม ร้านทำเล็บ โรงยิมและศูนย์นันทนาการจะถูกปิด พร้อมแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการเดินทางเข้าไปในพื้นที่ที่มีการบังคับใช้มาตรการควบคุมระดับเทียร์ 4 เพื่อความปลอดภัย
(ที่มา : รอยเตอร์)
