ผู้นำอังกฤษประชุมฉุกเฉิน รับมือสถานการณ์ที่หลายประเทศทั่วโลกแบนเที่ยวบินและการติดต่อคมนาคมอื่นๆ หลังข่าวแดนยูเนียนแจ็กเจอไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่ระบาดเร็วขึ้นกว่าเดิมถึง 70% ด้านเกาหลีใต้สั่งห้ามประชาชนในเมืองหลวงจับกลุ่มกันเกิน 4 คน ขณะยอดผู้ติดโรคโควิดยังพุ่งสูง กระทั่งเหลือเตียงสำหรับผู้ป่วยไอซียูในกรุงโซลแค่ 4 เตียง
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ เป็นประธานการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันจันทร์ (21 ธ.ค.) เพื่อหารือสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศ หลังจากที่หลายสิบประเทศทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง เอเชีย แคนาดา และอเมริกาใต้ แบนเที่ยวบินและนักเดินทางจากอังกฤษ และคาดว่าจะมีอีกหลายประเทศเจริญรอยตาม
นอกจากเที่ยวบินแล้ว ฝรั่งเศสยังปิดรับนักเดินทางและสินค้าจากอังกฤษที่ส่งผ่านช่องแคบอังกฤษ ส่วนเนเธอร์แลนด์งดรับนักเดินทางจากอังกฤษที่มากับเรือเฟอร์รี่
แหล่งข่าวในรัฐบาลเยอรมนีเผยว่า มาตรการจำกัดการเดินทางทางอากาศจากอังกฤษ อาจมีการบังคับใช้ในชาติสมาชิกสหภาพยุโรป (อียู) ทั้ง 27 ชาติ และหลายประเทศกำลังหารือกันเรื่องการออกมาตรการร่วมทางทะเล รถยนต์ และรถไฟ
ยุโรปต่างพากันตระหนกกับไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ที่พบในหลายพื้นที่ของอังกฤษ ซึ่งทำให้โรคระบาดได้เร็วขึ้น 70% ขณะที่โฆษกสำนักงานยุโรปขององค์การอนามัยโลก (WHO) เรียกร้องให้ทุกประเทศในภูมิภาคนี้ที่กำลังเผชิญการระบาดอย่างกว้างขวางและรุนแรง เพิ่มความพยายามในการควบคุมและป้องกันโควิด-19 อีกเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม แม้กังวลกับไวรัสกลายพันธุ์ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนในอียู รวมถึงคริส วิตตี้ ผู้อำนวยการสำนักงานการแพทย์อังกฤษ เชื่อว่า ไวรัสสายพันธุ์ใหม่ไม่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของวัคซีนที่มีอยู่ขณะนี้
สำหรับสหรัฐฯ แจ้งว่า กำลังจับตาสถานการณ์การกลายพันธุ์ของไวรัสโคโรนาในอังกฤษอย่างใกล้ชิด แต่ยังไม่คิดว่า ต้องแบนนักเดินทางจากแดนยูเนียนแจ็ก
เช่นเดียวกับนายกรัฐมนตรีสกอตต์ มอร์ริสัน ของออสเตรเลีย ที่มั่นใจว่า กฎการกักตัวนักเดินทาง 14 วันที่ใช้อยู่สามารถรับมือสถานการณ์ใหม่นี้ได้
นอกจากนั้น เมื่อวันจันทร์ออสเตรเลียยังเผยว่าตรวจพบนักเดินทางจากสหราชอาณาจักร 2 คนติดเชื้อไวรัสโคโรนากลายพันธุ์ โดยทั้งคู่เดินทางไปที่รัฐนิวเซาท์เวลส์ และขณะนี้ถูกกักตัวไว้แล้ว เจ้าหน้าที่ยังยืนยันว่า เหตุการณ์นี้ไม่เกี่ยวข้องกับการระบาดแบบกลุ่มก้อนครั้งใหม่ในเมืองซิดนีย์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของนิวเซาท์เวลส์
วันเดียวกันนั้น ซิดนีย์ยกเลิกเที่ยวบินภายในประเทศหลายสิบเที่ยวบิน และรัฐนิวเซาท์เวลส์ที่พบการติดเชื้อในท้องถิ่นเพิ่มขึ้น 86 คนนับจากวันพฤหัสฯ ที่แล้ว (17) สั่งล็อกดาวน์ประชาชนกว่า 250,000 คนบริเวณชายหาดทางใต้ของซิดนีย์ พร้อมเรียกร้องให้ผู้ที่ไปยังบริเวณดังกล่าวซึ่งพบผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยัน เข้ารับการตรวจและกักตัวเอง นอกจากนั้นรัฐอื่นๆ ทั้งหมดยังปิดพรมแดนงดรับผู้ที่เดินทางจากซิดนีย์
ในวันจันทร์ ฮ่องกง อดีตอาณานิคมของอังกฤษและปัจจุบันเป็นเขตบริหารพิเศษของจีน กลายเป็นดินแดนแรกในเอเชียที่แบนเที่ยวบินจากสหราชอาณาจักร โดยนับจากวันอังคาร (22) นักเดินทางจากอังกฤษจะต้องถูกกักตัว 3 สัปดาห์ แทนที่จะเป็น 2 สัปดาห์แบบนักเดินทางจากประเทศอื่นๆ
ด้านเกาหลีใต้ที่กักตัวนักเดินทางจากต่างชาติทุกคน 14 วัน เผยว่า กำลังทบทวนมาตรการใหม่สำหรับเที่ยวบินจากอังกฤษ และจะตรวจนักเดินทางเหล่านั้นสองรอบก่อนปล่อยตัวจากสถานกักตัว
เกาหลีใต้ยังรายงานในวันจันทร์ว่า พบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่ม 926 คน และเสียชีวิต 24 คน สูงสุดนับจากไวรัสเริ่มระบาด บริเวณกรุงโซลและปริมณฑลนั้นมีหลายวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้พบเคสใหม่กว่า 1,000 คน แถมเมื่อวันอาทิตย์ยังพบการระบาดในเรือนจำแห่งหนึ่งของโซล ซึ่งมีนักโทษและเจ้าหน้าที่ติดเชื้อรวม 188 คน และนายกเทศมนตรีโซลเผยว่า มีเตียงผู้ป่วยในแผนกวิกฤตเหลือเพียง 4 เตียง
เกาหลีใต้ยังประกาศห้ามประชาชนจับกลุ่มกันเกิน 4 คนนับจากปลายสัปดาห์นี้ และเตรียมเพิ่มเตียงผู้ป่วยอีกสองเท่าในช่วงปลายปี
ส่วนญี่ปุ่นที่แบนนักเดินทางจากอังกฤษอยู่แล้ว เผยว่าจะร่วมมือกับประเทศอื่นๆ รวมทั้ง WHO อย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามสถานการณ์การระบาดของไวรัสกลายพันธุ์
(ที่มา : เอเอฟพี, รอยเตอร์, เอพี)