เอเจนซีส์/mgrออนไลน์ – กลายเป็นประวัติศาสตร์ 15 ปี หลังจากที่ “มฤตยูดำ” เจ้าของกำปั้นแชมป์เฮฟวีเวต ไมค์ ไทสัน ที่ได้แขวนนวมไปนาน 15 ปี กลับมาขึ้นชกรอบการกุศลร่วมกับอดีตเจ้าสังเวียนระดับตำนาน รอย โจนส์ จูเนียร์ ในการชก 8 ยก ด้วยคะแนนเสมอ และไทสันสร้างความประหลาดใจด้วยการยอมรับในผลตัดสิน สื่อนอกชี้เป็นแมตช์ที่เรียกความหลังครั้งยังเป็นวัยเยาว์ให้กับอเมริกันชน และยังเป็นช่วงเวลาที่ยังลืมความบาดหมางระหว่างสีผิวและผลการเลือกตั้งชั่วคราว
ฟ็อกซ์สปอร์ต สื่อออสเตรเลีย รายงานวันนี้ (30 พ.ย.) ว่า แมตช์สะท้านโลกระหว่าง 2 เจ้าสังเวียนระดับเฮฟวีเวต “มฤตยูดำ” ไมค์ ไทสัน วัย 54 ปี และ รอย โจนส์ จูเนียร์ ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักมวยที่เก่งที่สุดตลอดกาล เกิดขึ้นวันที่ 28 พ.ย ที่สนามสเตเปิลส์ เซ็นเตอร์ ลอสแอนเจลีส (Staples Center Los Angeles) รัฐแคลิฟอร์เนีย ในการแข่งนัดชิงเข็มขัด “WBC Frontline Battle Belt” ซึ่งเป็นนัดที่ไม่มีผู้ชมเข้าดู เนื่องมาจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 และรัฐแคลิฟอร์เนียถูกสั่งเคอร์ฟิว
ฟ็อกซ์สปอร์ตชี้ว่า ก่อนที่การชกจะเกิดขึ้นผู้คนที่เฝ้ารอดูได้แบ่งออกเป็น 2 ค่ายเป็นต้นว่า พวกแรกอาจต้องคิดว่า ไทสันที่ขึ้นชื่อลือชาว่า เป็นวายร้ายในโลกสังเวียนหมัดมวยอาจจะไม่สนใจกฎห้ามจะต้องไม่เอาชนะกันแบบน็อกเอาต์ (KO) และเดินหน้าถลุงหมัดรัวใส่ รอย โจนส์ จูเนียร์ และอาจคิดต่อไปว่า นักชกรุ่นเดอะระดับตำนาน 2 คน ที่มีอายุรวมเกิน 100 ปี อาจจะลากสังขารของตัวเองไปตามมุมต่างๆ บนเวที
แต่ความเป็นจริงซึ่งมักจะเกิดขึ้นเสมอและจบลงในระหว่างนั้น CNN สื่อสหรัฐฯรายงานว่า แมตช์การแข่งขันจบลงที่เสมอ การชกมีระยะเวลาสั้นกว่าการชกปกติ 60 วินาที โดยการชกไทสัน-โจน์ส จูเนียร์ มีระยะเวลาต่อยก 2 นาที แทนที่จะเป็น 3 นาทีตามปกติ และคณะกรรมการกีฬารัฐแคลิฟอร์เนีย (California State Athletic Commission) เป็นกรรมการตัดสินผู้ตัดสินครั้งนี้ ทั้งคู่ต่างสวมนวมหนัก 12 ออนซ์แบบที่ไม่มีเครื่องป้องกัน
ประธาน WBC เมาริซิโอ ซูไลมาน (Mauricio Sulaimán) กล่าวถึงการดวลกำปั้นครั้งประวัติศาสตร์ในงานแถลงข่าวว่า
“ถึงแม้จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม ทั้ง ไทสัน และ โจนส์ จูเนียร์ ได้แสดงให้เราเห็นว่าเมื่อคนมีความคิดในแง่บวกเกิดขึ้น และเปลี่ยนให้มีจิตใจในทางสร้างสรรค์ ทำให้ทุกเปลี่ยนแปลงสามารถเอาชนะและกลายเป็นการสร้างสรรค์ที่เราทำให้เกิดแม็ทชกเข็มขัดการกุศลสำหรับโอกาสเช่นนี้ขึ้นมาได้”
ทั้งนี้ รายได้บางส่วนที่ผู้ชมต้องจ่ายถึง 50 ดอลลาร์ในสหรัฐฯ ต่อการชมทางสตรีมมิง พบว่า รอย โจนส์ จูเนียร์ ได้รับค่าตัว 1 ล้านดอลลาร์ แถลงยืนยันว่า เขาต้องการบริจาคให้กับสาธารณกุศลต่อต้านการค้ามนุษย์ และโรคมะเร็งทรวงอก ขณะที่ ไมค์ ไทสัน รับไป 10 ล้านดอลลาร์ ประกาศจะบริจาคบางส่วนให้กับกองทุนของ เมาริซิโอ ซูไลมาน เพื่อสนับสนุนให้กับบรรดานักมวยที่ตกอยู่ในช่วงลำบากของชีวิต
แมตช์การแข่งขันเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ยากลำบากในสหรัฐฯ ลอสแองเจลีสสถานที่จัดการชกอยู่ภายใต้กฎเคอร์ฟิว ตัวเลขโควิด-19 เมื่อวันอาทิตย์ (29) ตามการรายงานของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ มีเคสใหม่ 109,671 คน และเสียชีวิตเพิ่ม 731 คน และมีจำนวนกว่า 91,000 คน อยู่ในโรงพยาบาล ท่ามกลางความโกลาหลทางการเมือง ประธานาธิบดีสหรัฐฯไม่สนใจบริหารประเทศและแก้วิกฤตโรคระบาด ส่วนว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯเกิดข้อเท้าพลิกมีปัญหาด้านสุขภาพ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างผิวขาวและผิวดำในอเมริกา แต่ทว่าแมตช์ครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างไทสันและโจน์ส จูเนียร์ สามารถเรียกรอยยิ้มได้ เราได้มีโอกาสเห็นนักจัดรายการชื่อดังผิวขาวหน้าตาดุดัน โจ โรแกน (Joe Rogan) ซึ่งมีรอยสักที่แขนสัมภาษณ์ รอย โจนส์ จูเนียร์ นักชกผิวสีชื่อกระฉ่อนด้วยความรู้สึกชื่นชม
ฟ็อกซ์สปอร์ตนิวส์ชี้ว่า บรรดาแฟนเก่าแก่ชาวอเมริกันที่เติบโตมาด้วยกันกับ 2 นักชกผู้ยิ่งใหญ่รู้สึกเต็มตื้นเหมือนได้รื้อฟื้นความหลังเมื่อได้ชมแมตช์นี้ ส่วนคนรุ่นใหม่ที่เกิดไม่ทันช่วงที่ไทสันกัดหู อีแวนเดอร์ โฮลิฟิลด์ ในการชกครั้งประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 28 มิ.ย 1997 นั้นถือว่าโชคดีมากที่ได้มีโอกาสชมการชกทั้งคู่เป็นครั้งแรก
ซึ่งไทสันที่มีชื่อเสียงในทางลบมาตลอดไม่เพียงแต่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ในสังเวียน แต่เขายังยอมรับต่อคำตัดสินเสมออย่างดุษฎี
ด้าน ประธาน UFC ดานา ไวท์ (Dana White) กล่าวแสดงความเห็นว่า “ดิฉันไม่ต้องการกล่าวอะไรในแง่ลบ เพราะดิฉันรักในตัวไทสันและเขาเป็นเพื่อนที่ดีของดิฉัน” และเสริมต่อว่า “ดิฉันรู้สึกกลัวมาก เขามีอายุมากแล้ว (54 ปี) เวลาไม่สามารถเอาชนะได้ เวลาได้ชนะเราและหนึ่งในความวิตกของดิฉันต่อไมค์นั้น ไมค์ยังคงฉายแสงและเป็นแม็ทการต่อสู้ของหนุ่มรุ่นกระเตาะวัย 54 ปี และทุกสิ่งได้กล่าวว่า เขามันโคตรเท่เลยในคืนนี้”
ขณะที่ มิเชล ร็อธสไตน์ (Michael Rothstein) จาก ESPN ชี้ว่า การชกของไทสันและโจน์ส จูเนียร์ ไม่น่าเบื่อหรือน่าขบขันแม้แต่น้อย ส่วน จอร์จ โฟร์แมน (George Foreman) เจ้าของเหรียญทองโอลิมปิกอเมริกันและแชมป์กำปั้นเฮฟวีเวต 2 สมัยได้ทวีทแสดงความชื่นชมต่อการชกว่า “เป็นการชกนัดที่ดีที่สุดเท่าที่ได้เคยดูมา”
ซึ่งทั้งคู่ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ร่วมกันหลังการชกโดยกรรมการได้ประกาศผลว่า “คำตัดสินออกมาเสมอ” และถามไทสันว่าคุณคิดว่าอย่างไร ไทสันตอบว่า “ผมโอเคกับคำตัดสินนั้น” และกรรมการถามต่อว่า คุณต้องการที่จะชกต่อหรือไม่ ไทสันตอบกลับมาว่า ใช่ และแสดงเห็นผลว่า ผมสร้างความสุขให้กับผู้คนและผู้คนชื่นชอบในสิ่งนั้น ส่วน รอย โจน์ส จูเนียร์ กล่าวว่า เขาเห็นด้วยในคำตัดสินเสมอและเขาดูมีอาการเหนื่อยอย่างเห็นได้ชัดจนกรรมการต้องเอ่ยปากถาม และ โจนส์ จูเนียร์ ยอมรับว่าหมัดต่อยลำตัวของไทสันสร้างความเจ็บปวดให้กับเขา