ฟรานซิโก ซากัสติ สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรของเปรู สาบานตนเข้ารับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี เมื่อวันอังคาร (17 พ.ย.) ตามหลังการโหวตเห็นชอบจากรัฐสภา ในความพยายามคืนเสถียรภาพแก่ประเทศ ซึ่งเผชิญกับการประท้วงนองเลือด จนทำให้ประธานาธิบดีลาออกไป 2 คน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว
ซากัสติ ส.ส.จากพรรคสายกลาง “เพอร์เพิล ปาร์ตี” คาดหมายว่าจะดำรงตำแหน่งไปจนถึงเดือนกรกฎาคมปีหน้า ด้วยศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่มีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 11 เมษายน
ประเทศแห่งนี้ถูกตกอยู่ในภาวะสั่นคลอน มาตั้งแต่รัฐสภาเปรูได้ผ่านญัตติถอดถอน นายมาร์ติน บิซการ์รา ผู้นำซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูง ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเปรู เมื่อวันที่ 9 พ.ย.ความเคลื่อนไหวที่โหมกระพือการประท้วง ซึ่งบ่อยครั้งเลี้ยวเข้าสู่ความรุนแรง และมีวัยรุ่นเสียชีวิต 2 คน
วาระต่อต้านคอร์รัปชันของบิซการ์รา ก่อความตึงเครียดระหว่างเขากับสภาคองเกรส และผู้ประท้วงเชื่อว่ามันคือเหตุผลที่ทำให้เขาถูกถอดถอน
มานูเอล เมอริโน ผู้สืบทอดตำแหน่งของ บิซการ์รา ประกาศลาออกเมื่อวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) หลังเข้ามารับตำแหน่งได้เพียงแค่ 5 วัน
สถานการณ์ความวุ่นวายในเปรูขยายวงกว้าง เมื่อมีรายงานผู้ประท้วงเสียชีวิต 2 ราย ทำให้เมอริโนประกาศลาออก ส่งผลให้เกิดภาวะสุญญากาศในการบริหารประเทศเปรูตามมา
การแต่งตั้ง ซากัสติ ดูเหมือนเป็นความพยายามสยบความตึงเครียด แม้ประชาชนแทบไม่ไว้ใจต่อบรรดานักการเมืองของประเทศแม้แต่น้อย โดยในคืนวันจันทร์ (16 พ.ย.) มีผู้ประท้วงหลายร้อยคนเดินขบวนในกรุงลิมา เรียกร้องขอรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และตะโกนว่า “ระบบยุติธรรมล่มสลายแล้ว”
“บอกตรงๆ ก็พวกขยะเดิมๆ มีการเปลี่ยนหน้ากาก แต่ทุกอย่างยังเหมือนเดิม” ผู้ประท้วงรายหนึ่งบอก
ซากัสติ เป็นประธานาธิบดีคนที่ 4 ของเปรู ภายในเวลาไม่ถึง 3 ปี ตามหลังการลาออกของ บิซการ์รา และ เมอริโน ขณะที่ก่อนหน้านั้น ประธานาธิบดี เปโดร ปาโบล คุซซีนสกี ลาออกไปในปี 2018 ท่ามกลางคำกล่าวหาคอร์รัปชัน
เปรู ชาติผู้ผลิตทองแดงใหญ่สุดอันดับ 2 ของโลก ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยพวกเขาเป็นหนึ่งในชาติที่มีอันตราการเสียชีวิตต่อจำนวนประชากรสูงสุดในโลก และคาดหมายว่าเศรษฐกิของประเทศในปีนี้ จะหดตัวครั้งรุนแรงที่สุดในรอบกว่าศตวรรษ
(ที่มา: รอยเตอร์)