เอเอฟพี - อนามัยโลกเตือน ระบบสาธารณสุขทั่วละตินอเมริกา กำลังถูกกดดันหนักขึ้นจากการระบาดของไวรัสโคโรนา ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในบราซิลจ่อถึง 30,000 คน เวลาเดียวกันองค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศเปิดเผยกรอบโครงใหม่สำหรับอุตสาหกรรมสายการบินในยุคนิวนอร์มัล
จำนวนผู้เสียชีวิตทั่วโลกจากโรคติดต่อโควิด-19 ขณะนี้อยู่ที่กว่า 377,000 คน และมีผู้ติดเชื้ออย่างน้อย 6.3 ล้านคน นับจากที่โรคนี้อุบัติขึ้นในจีนเมื่อปลายปีที่แล้ว
ไมเคิล ไรอัน ผู้อำนวยการฝ่ายสถานการณ์ฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก (ฮู) ระบุว่า 4 ใน 10 ประเทศ ที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่มากที่สุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่แล้ว อยู่ในละตินอเมริกา ได้แก่ บราซิล เปรู ชิลี และ เม็กซิโก ที่ต่างพบผู้ติดเชื้อใหม่รายวันทำสถิติสูงสุด ขณะที่ อาร์เจนตินา โบลิเวีย โคลอมเบีย และ เฮติ พบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ไรอันเสริมว่า ประเทศต่างๆ ต้องพยายามอย่างหนักมากเพื่อทำความเข้าใจระดับการแพร่เชื้อ ขณะที่ระบบสาธารณสุขเริ่มอยู่ภายใต้ความกดดันมากขึ้น พร้อมเตือนว่า ละตินอเมริกายังต้องเผชิญวิกฤตโรคระบาดอีกหลายสัปดาห์
ขณะนี้ละตินอเมริกามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 ราว 1 ล้านคน และเสียชีวิตแล้วกว่า 50,000 คน ซึ่งกว่าครึ่งของผู้ติดเชื้อและเกือบ 60% ของผู้เสียชีวิตอยู่ในบราซิล
กระนั้น นายกเทศมนตรีเมืองริโอ เดอจาเนโร เมืองใหญ่อันดับสองของแดนแซมบ้า ประกาศเมื่อวันจันทร์ว่า จะค่อยๆ ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ตั้งแต่วันอังคาร (2) เริ่มจากการเปิดศาสนสถานและกีฬาทางน้ำ
ทางด้านเม็กซิโกเริ่มเปิดเมืองเมื่อวันจันทร์เช่นเดียวกัน เพื่อฟื้นอุตสาหกรรมยานยนต์ เหมืองแร่ และก่อสร้าง แม้มีผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาไปกว่า 10,000 คนก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ในยุโรปตั้งแต่รัสเซียถึงฝรั่งเศส อิตาลี และอังกฤษ มีการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์มากขึ้น และอย่างระมัดระวังเพื่อกลับคืนสู่สถานการณ์ปกติก่อนเกิดโรคระบาด
บาร์ในฟินแลนด์และนอร์เวย์เริ่มเปิดให้บริการอีกครั้งภายใต้กฎการเว้นระยะห่างทางสังคมและลดระยะเวลาการให้บริการลง ส่วนอังกฤษและกรีซอนุญาตให้เปิดโรงเรียนได้แล้ว
ทั้งนี้ อังกฤษพบผู้เสียชีวิต 111 คนในวันจันทร์ ซึ่งถือว่าต่ำที่สุดนับจากบังคับใช้มาตรการปิดเมืองเมื่อวันที่ 23 มีนาคม
กรีซอนุญาตให้โรงแรม โรงเรียน สระว่ายน้ำ และร้านสักเปิดให้บริการ ส่วนอิตาลีเปิดให้ประชาชนเข้าชมโคลอสเซียม
นอกจากนี้ ยังมีข่าวดีจากสเปนที่รายงานเมื่อวันจันทร์ว่า ไม่พบผู้เสียชีวิตเป็นวันแรกนับจากวันที่ 3 มีนาคม
ฝรั่งเศสพบผู้เสียชีวิต 31 คน และจะเริ่มเปิดร้านกาแฟ ร้านอาหารตั้งแต่วันอังคาร หลังจากปิดให้บริการมาตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม
ขณะเดียวกัน ทางเอเชียตะวันออก แม้หลายประเทศและดินแดนมีผู้ติดเชื้อลดลงอย่างชัดเจน แต่ยังคงห้ามการชุมนุมขนาดใหญ่ เช่น ทางการฮ่องกงไม่อนุญาตให้จัดพิธีรำลึกเหตุการณ์การปราบปรามผู้เรียกร้องประชาธิปไตยที่จัตุรัสเทียนอันเหมินปี 1989 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ไม่ยอมให้จัด โดยทางการให้เหตุผลเรื่องกลัวโรคระบาดจะกลับมาอีก
ส่วนที่นิวซีแลนด์ นายกรัฐมนตรี จาซินดา อาร์เดิร์น ออกมาวิจารณ์กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดผิว ที่จัดการประท้วงอย่างฝ่าฝืนกฎการเว้นระยะห่างทางสังคม
ขณะที่ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายกับการกักตัว รัฐบาลของประเทศต่างๆ จึงถูกกดดันมากขึ้นให้ผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ โดยเฉพาะประเทศที่สถานการณ์การระบาดดูเหมือนสงบลงแล้ว
ภาคธุรกิจอยู่ภายใต้ความกดดันมหาศาลขณะที่ทั้งผู้บริโภคและพนักงานถูกบังคับให้กักตัวอยู่บ้าน โดยสายการบินเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รุนแรงที่สุด
อย่างไรก็ดี เมื่อวันจันทร์ องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ไอเคโอ) เปิดเผย “กรอบโครง” เพื่อรับประกันความปลอดภัยของผู้โดยสารและพนักงานสายการบิน โดยกรอบโครงดังกล่าวระบุว่า นักเดินทางจะต้องแสดงใบรับรองการตรวจสุขภาพและตรวจวัดอุณหภูมิที่สนามบิน