xs
xsm
sm
md
lg

‘ทรัมป์’ พาลปลด ผอ.ความมั่นคงไซเบอร์ แค้นที่ค้านข้อกล่าวหามีการโกงเลือกตั้ง ขณะสมาคมแพทย์-พยาบาลเรียกร้องให้ร่วมมือทีมสู้โควิดของ ‘ไบเดน’

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


(ภาพจากแฟ้มถ่ายเมื่อ 22 พ.ค. 2019) คริส เครบส์ ผู้ถูกประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งปลดออกจากตำแหน่งตำแหน่งผู้อำนวยการความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (ซีไอเอสเอ)
เอเจนซีส์ - ทรัมป์พาลหนัก ทวีตปลดผู้อำนวยการความมั่นคงด้านไซเบอร์ที่คัดค้านการกล่าวอ้างว่า มีการโกงการเลือกตั้งขนานใหญ่ ขณะเดียวกัน สมาคมแพทย์-พยาบาลชั้นนำ 3 แห่งออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องทรัมป์แบ่งปันข้อมูลวิกฤตโรคระบาดกับทีมสู้ไวรัสโคโรนาของไบเดน

ในวันอังคาร (17 พ.ย.) ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศผ่านทวิตเตอร์ ปลด คริส เครบส์ จากตำแหน่งผู้อำนวยการความมั่นคงทางไซเบอร์และโครงสร้างพื้นฐาน (ซีไอเอสเอ) โดยให้มีผลทันที ด้วยเหตุผลว่า คำแถลงของเครบส์เมื่อเร็วๆ นี้ เกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา ไม่ถูกต้อง เนื่องจากมีการโกงอย่างมโหฬาร

ทั้งนี้ เครบส์ดูเหมือนรู้ชะตากรรมตัวเองดี โดยเขาบอกกับเพื่อนๆ ตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้วว่า ตัวเองคงจะถูกปลด และล่าสุด ยังทวีตยืนยันว่า เป็นเกียรติที่ได้ทำงานในตำแหน่งดังกล่าว พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่ซีไอเอสเอทำเป็นสิ่งถูกต้อง

เครบส์มีหน้าที่ป้องกันพวกแฮกเกอร์ทั้งในและนอกประเทศเจาะระบบการลงคะแนน และการนับคะแนนการเลือกตั้ง รวมถึงฐานข้อมูลและระบบอื่นๆ ของรัฐและหน่วยงานท้องถิ่นที่อิงกับการนับคะแนน

การรักษาความปลอดภัยการเลือกตั้งปีนี้ ยิ่งท้าทายมากขึ้น เนื่องจากวิกฤตโรคระบาดที่ทำให้คนหลายล้านเลือกลงคะแนนทางไปรษณีย์แทนการไปคูหาเลือกตั้งในวันเลือกตั้งจริง

แอดัม ชิฟฟ์ ประธานคณะกรรมาธิการข่าวกรองสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคเดโมแครต กล่าวว่า เครบส์และทีมงานทุ่มเททำงานเพื่อปกป้องการเลือกตั้งของอเมริกา แต่แทนที่จะได้รับรางวัล กลับถูกทรัมป์แก้แค้น

ส่วน เบน แซสซี วุฒิสมาชิกจากรีพับลิกัน ยกย่องเครบส์และย้ำว่า เขาไม่ควรถูกปลดออก

ขณะที่ทรัมป์ไม่ยอมรับความพ่ายแพ้และยืนกรานว่า มีการโกงการเลือกตั้งโดยไม่มีหลักฐานนั้น เครบส์นอกจากเป็นผู้อำนวยการของหนึ่งในหน่วยงานที่ออกแถลงการณ์ร่วมรับรองว่า การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 3 ที่ผ่านมา เป็นการเลือกตั้งที่เชื่อถือได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของอเมริกาแล้ว ทำเนียบขาวยังไม่พอใจที่ซีไอเอสเอเปิดหน้าเว็บใหม่เพื่อชี้แจงอธิบายการบิดเบือนข้อมูล ในชื่อว่า “ข่าวลือกับเรื่องจริง”

หน้าเว็บดังกล่าวปฏิเสธคำกล่าวอ้างของทรัมป์และบุคคลอื่นๆ ซึ่งรวมถึงการอ้างว่า มีบัตรเลือกตั้งมากมายที่เป็นชื่อคนตาย และการนับคะแนนหลังการเลือกตั้งมีความผิดปกติ

สัปดาห์ที่แล้ว กลุ่มเจ้าหน้าที่การเลือกตั้งอาวุโสทั้งของรัฐบาลกลางและรัฐต่างๆ ออกรายงานยืนยันว่า ไม่มีหลักฐานว่า มีการลบ ทิ้ง หรือแก้ไขบัตรเลือกตั้ง นอกจากนั้นเมื่อวันจันทร์ (16) ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงด้านความปลอดภัยในการเลือกตั้ง 59 คน ยังออกแถลงการณ์คัดค้านข้อกล่าวอ้างที่ว่า มีการโกงการเลือกตั้งขนานใหญ่ โดยระบุว่า ข้อกล่าวอ้างดังกล่าวไม่มีหลักฐานและไม่มีความสอดคล้องด้านเทคนิค

ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันอังคาร สมาคมแพทย์และพยาบาลสำคัญ 3 แห่ง ได้แก่ สมาคมแพทย์แห่งอเมริกา สมาคมพยาบาลแห่งอเมริกา และสมาคมโรงพยาบาลแห่งอเมริกา ทำจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้คณะบริหารของทรัมป์แบ่งปันข้อมูลตามเวลาจริงเกี่ยวกับข้าวของเวชภัณฑ์ต่างๆ ในด้านการรักษาและการทดสอบ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล เครื่องช่วยหายใจ จำนวนเตียงผู้ป่วย และความพร้อมของเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ทีมถ่ายโอนอำนาจของโจ ไบเดน ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป สามารถวางแผนการปรับใช้ทรัพยากรของประเทศและรักษาชีวิตประชาชนจำนวนมาก

จดหมายฉบับนี้เผยแพร่ออกมาหลังจากเมื่อวันจันทร์ ไบเดนเตือนว่า การที่ทรัมป์ไม่ยอมแพ้และขัดขวางการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างราบรื่นอาจทำให้คนอเมริกันต้องสังเวยชีวิตเพิ่มขึ้น

นอกจากนั้น ในวันอังคาร นายแพทย์วิเวก เมอร์ธี ประธานร่วมทีมเฉพาะกิจสู้โควิด-19 ของไบเดนยังย้ำว่า ตนและที่ปรึกษาด้านการแพทย์อื่นๆ ไม่สามารถหารือเรื่องวิกฤตโรคระบาดกับเจ้าหน้าที่ของคณะบริหารปัจจุบัน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อแนวทางการรับมือไวรัสของอเมริกา

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ในอย่างน้อย 17 รัฐประกาศมาตรการสกัดการระบาดครั้งใหม่ในเดือนนี้ ซึ่งมีตั้งแต่จำกัดการรวมกลุ่มของคนจำนวนมาก การระงับการดำเนินการหรือการให้บริการของธุรกิจที่ไม่จำเป็น และการสวมหน้ากากในที่สาธารณะ

นายแพทย์แอนโทนี ฟาวซี ผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อระดับสูงของคณะบริหาร แสดงความเห็นว่า อเมริกาจะต่อสู้โรคระบาดได้ดีกว่านี้ถ้ามี “แนวทางเดียวกัน”

ล่าสุด มี 41 รัฐรายงานจำนวนเคสใหม่รายวันเพิ่มขึ้นทำสถิติในเดือนนี้, 20 รัฐมีผู้เสียชีวิตรายวันจากโควิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์, 26 รัฐมีจำนวนผู้เข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลพุ่งขึ้นสูงสุด และ 25 รัฐพบผู้ติดเชื้อ 10% กลับมาป่วยใหม่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ตัวเลขที่สูงกว่า 5% ถือว่าน่ากังวล

แผ่นผ้าติดอยู่ที่ตลาดแกรนด์ เซนทรัล มาร์เก็ต ในเมืองลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ (16 พ.ย.) ระบุให้ผู้สวมหน้ากากป้องกัน จึงจะเข้าไปในตลาดได้  ทั้งนี้ขณะที่โรคโควิด-19 ยังระบาดไม่หยุด  หลายท้องที่ในสหรัฐฯจึงประกาศใช้มาตรการจำกัดเข้มงวดเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ


กำลังโหลดความคิดเห็น