รอยเตอร์ - ตำรวจฝรั่งเศสเพิ่มมาตรการควบคุมการล็อกดาวน์โควิด-19 ในกรุงปารีส ช่วงสุดสัปดาห์เพื่อตรวจดูว่าประชาชนแดนน้ำหอมปฏิบัติตามกฎเพื่อป้องกันการระบาดหรือไม่ แต่ประชาชนโอดครวญ 3 วัน ล่าสุดของล็อกดาวน์รอบใหม่สุดเข้ม
รอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (15 พ.ย.) ว่า ท่ามกลางสัญญาณว่าอาจจะมีประชาชนบางส่วนแอบละเมิดกฎล็อกดาวน์รอบใหม่ในกรุงปารีส นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ฌ็อง กัสแต็กซ์ (Jean Castex) แสดงความเห็นว่า ประชาชนไม่ทำตามมาตรการอย่างเคร่งครัดเหมือนกับที่เคยออกมาในครั้งแรกเมื่อหน้าฤดูใบไม้ผลิ
ส่งผลทำให้ตำรวจฝรั่งเศสต้องเพิ่มมาตรการออกตรวจตราช่วงสุดสัปดาห์นี้ เพื่อดูว่ามีผู้แอบฝ่าฝืนหรือไม่ โดยในวันเสาร์ (14)พบว่าตำรวจจัดการสลายปาร์ตี้ผิดกฎหมายที่มีคนรวมตัวกันถึง 400 คน ที่ฌองวีล เลอ ปงต์ (Joinville-Le-PontN) ใกล้กรุงปารีส
ทั้งนี้ พบว่า ภายใต้กฎล็อกดาวน์ที่เริ่มมีผลบังคับใช้เมื่อสิ้นตุลาคม ประชาชนจะต้องอยู่แต่ภายในที่พักนอกเหนือจากการเดินทางออกไปเพื่อหาซื้ออาหารหรือสิ่งของจำเป็นอื่นๆ หรือการออกกำลังกายด้านนอกในช่วงสั้นๆ และคนเหล่านี้อาจต้องถือเอกสารที่มีการลงนามเพื่อแสดงเหตุผลว่าเหตุใดพวกเขาจึงต้องออกไปด้านนอก
ตำรวจตรวจนักขับที่ผ่านไปมาที่สวนสาธารณะบัวส์ เดอ บูโลญ (Bois de Boulogne) ในด้านตะวันตกของกรุงปารีส เพื่อทำให้แน่ใจว่าคนเหล่านั้นถือเอกสารรับรองที่มีการลงนามเพื่อแสดงเหตุผลและสวมหน้ากากอนามัยตามที่กฎเกณฑ์ได้ระบุไว้
นักจัดภูมิทัศน์ที่ให้ชื่อเพียง จูลย์ (Jules) เปิดเผยว่า “ผมค้นพบว่ามีข้อกำหนดมากมายในช่วงระหว่างการล็อกดาวน์ครั้งแรก และมีแค่ไม่มากนักสำหรับช่วงเริ่มต้นของครั้งนี้ด้วยความสัจจริง” แต่ชี้ว่า “แต่ทว่าผมพบว่ามีข้อกำหนดที่เพิ่มมากขึ้นในช่วง 3 วันที่ผ่านมา”
ทั้งนี้ พบว่า นักจัดภูมิทัศน์ชาวฝรั่งเศสมีเอกสารอนุญาตพร้อมแสดงให้กับตำรวจดูว่าเหตุใดเขา จึงจำเป็นต้องออกมาด้านนอก แต่ทว่า สเตฟาน นักก่อสร้างไม่ได้โชคดีเช่นเขา เป็นเพราะสเตปานลืมดาวน์โหลดแบบฟอร์มที่จำเป็นผ่านทางโทรศัพท์มือถือเพื่อแสดงเหตุผลว่าเหตุใดเขาต้องอยู่ด้านนอกที่พัก และถูกสั่งปรับเป็นเงิน 135 ยูโร หรือราว 169 ดอลลาร์ไป
สเตฟานยอมรับอย่างปลงๆ ว่า “มันเป็นความผิดพลาดเนื่องมาจากการไม่ระวัง โดยตามปกติผมจะตรวจเช็ก แต่ไม่ได้ทำในครั้งนี้ กลายเป็นการลืมที่มีราคาแพงทีเดียว”
