ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในวันอาทิตย์ (15 พ.ย.) ดูเหมือนยอมรับต่อสาธารณะเป็นครั้งแรก ว่า โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครต เป็นฝ่ายชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี วันที่ 3 พฤศจิกายน แต่เน้นย้ำคำกล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานว่ามีการโกงคะแนน
“เขาชนะเพราะการเลือกตั้งมีการโกง ไม่มีผู้เฝ้าดูหรือผู้สังเกตการณ์ได้รับอนุญาตแม้แต่รายเดียว ผลคะแนนถูกนับโดยบริษัทที่พวกซ้ายหัวรุนแรงเป็นเจ้าของอย่างลับ“”ทรัมป์ทวีตเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ 15 พฤศจิกายน แสดงท่าทียอมรับความพ่ายแพ้อย่างชัดเจนที่สุดจนถึงขณะนี้
2 วันก่อนหน้านี้ ทรัมป์เพิ่งหลุดปากว่า “เวลาจะบอกเอง” ว่าเขาจะยังได้เป็นประธานาธิบดีอยู่อีกหรือไม่ แต่แล้วหลังจากนั้นเขายังคงยืนกรานตามเดิมว่าจะใช้กระบวนการทางกฎหมายเพื่อพลิกผลเลือกตั้ง แม้จะไม่มีหลักฐานการทุจริตอย่างมากมายในการเลือกตั้งวันที่ 3 พฤศจิกายน ขณะที่ผู้ช่วยของทรัมป์ยังกล่าวกันว่า ทรัมป์กำลังเตรียมการสำหรับการรับตำแหน่งในสมัยที่ 2 ทั้งที่ผลคะแนนที่ออกมายืนยันแล้วว่าไบเดนชนะขาด
ภายหลังรู้ตัวว่าพลั้งเผลอ ทรัมป์ทวีตแก้ใหม่ว่า ไบเดนชนะเลือกตั้งในสายตาของสื่อข่าวปลอมเท่านั้น ตัวเขาไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้อะไรเลย ยังมีหนทางอีกยาวไกล
ที่ผ่านมา ทรัมป์ยังไม่ยอมรับความปราชัยในศึกเลือกตั้งต่อไบเดน ผู้ซึ่งสื่อมวลชนหลักๆ ระบุว่าเป็นผู้ชนะในวันที่ 7 พฤศจิกายน หลังผลคะแนนของรัฐต่างๆ ออกมามากพอที่จะมอบชัยชนะแด่อดีตรองประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต
สถาบันวิจัยเอดิสันระบุว่า ไบเดน คว้าคะแนนมาได้ 306 เสียง ในระบบคณะผู้เลือกตั้งแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งเป็นตัวตัดสินผู้ชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดี มากกว่าที่ต้องการ 207 เสียงอย่างมาก
นอกจากไม่ยอมรับความพ่ายแพ้แล้ว ทรัมป์ยังใช้เวลาหลายวันที่ผ่านมาออกงานสาธารณะและเดินหน้ากล่าวหาโดยไม่มีหลักฐานใดๆ บนสื่อสังคมออนไลน์ว่ามีการโกงเลือกตั้ง
ขณะเดียวกัน ทรัมป์ยังทำให้กระบวนการปกติของรัฐบาล สำหรับเตรียมพร้อมส่งมอบอำนาจบริหารแก่รัฐบาลของประธานาธิบดีคนใหม่ต้องหยุดชะงัก ซึ่งพรรคเดโมแครตและสมาชิกรีพับลิกันบางส่วน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่ามันส่งผลกระทบร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ
นอกจากนี้แล้ว ทีมหาเสียงของทรัมป์และสมาชิกรีพับลิกัน ยังหาทางเดินหน้าดำเนินการทางกฎหมายคัดค้านผลเลือกตั้งในรัฐสมรภูมิต่างๆ แต่จนถึงเวลานี้คำฟ้องส่วนใหญ่ถูกตีตก
แม้ไม่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลทรัมป์ แต่ ไบเดน และ กมลา แฮร์ริส ว่าที่รองประธานาธิบดี ได้เดินหน้าความพยายามถ่ายโอนอำนาจแล้ว ในนั้นรวมถึงรับฟังสรุปสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
(ที่มา : รอยเตอร์/เอเอฟพี)