หลายชาติในยุโรป ประกอบด้วย ออสเตรีย กรีซ อิตาลี และ โปรตุเกส ทั้งประกาศและเริ่มบังคับใช้ข้อจำกัดใหม่ๆเพื่อสกัดการแพร่ระบาดระลอกสองของโควิด-19 ในวันเสาร์ (14 พ.ย.) ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลก พุ่งเหนือ 1.3 ล้านคนแล้ว
จนถึงตอนนี้มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 แล้วมากกว่า 53 ล้านคนทั่วโลก ในขณะที่ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่อาละวาดอย่างหนัก ทั่วอเมริกาและยุโรป บีบให้รัฐบาลชาติต่างๆ ต้องใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้น แม้มันเสี่ยงก่อความเสียหายเลวร้ายแก่เศรษฐกิจก็ตาม
ออสเตรียกลายเป็นอีกชาติที่ประกาศปิดโรงเรียนและร้านค้าที่ไม่มีความจำเป็นตั้งแต่วันอังคาร (17 พ.ย.) เป็นต้นไป หลังจากกำหนดล็อกดาวน์บางส่วนเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
“ยังมีหลายคนที่บอกว่าการแพร่ระบาดไม่เกิดขึ้นที่โรงเรียน ตามร้านค้าหรือสถานบริการต่างๆ” เซบาสเตียน คูร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย กล่าว “แต่ความจริงคือเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแกะรอยต้นตอของผู้ติดเชื้อใหม่ 77% ซึ่งหมายความว่าเราไม่รู้ว่าพวกเขาติดเชื้อมาจากไหน”
ด้าน กรีซ ซึ่งระบบสาธารณสุขของประเทศกำลังเผชิญกับภาวะตึงเครียด แถลงว่า จะทำการปิดทุกโรงเรียนเช่นกัน หลังกำหนดเคอร์ฟิวยามค่ำคืนทั่วประเทศตั้งแต่วันศุกร์ (13 พ.ย.) เป็นต้นไป “การปิดโรงเรียนเป็นสิ่งสุดท้ายที่เราต้องการทำ มาตรการนี้แสดงให้เห็นว่าเราอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายแค่ไหน” รัฐมนตรีสาธารณสุข กล่าว
ส่วนในอิตาลี แคว้นทัสกานีและกัมปาเนีย ซึ่งมีฟลอเรนซ์และเนเปิลส์ เป็นเมืองเอกตามลำดับ ถูกปรับระดับสู่ “โซนสีแดง” บังคับใช้มาตรการเข้มข้น ซึ่งเวลานี้ครอบคลุมประชากร 26 ล้านคน จากทั้งหมด 60 ล้านคนทั่วประเทศ
“มันไม่มีทางอื่น หากว่าเราต้องการลดจำนวนผู้เสียชีวิต” โรแบร์โต้ สเปรันซา รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าว หลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตของอิตาลี เพิ่มขึ้นอีก 544 คน เป็น 44,683 คน เลวร้ายที่สุดชาติหนึ่งในยุโรป
ยูเครน ก็เป็นอีกชาติที่ออกข้อจำกัดใหม่สกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เช่นกัน
นอกเหนือจากในยุโรปแล้ว นิวยอร์ก ศูนย์กลางการแพร่ระบาดในสหรัฐฯ ก็เป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ออกคำสั่งปิดโรงเรียนเช่นกัน โดยได้หยุดการเรียนการสอนตั้งแต่ช่วงค่ำของวันศุกร์ (13 พ.ย.) และสถาบันการศึกษาต่างๆจะหันไปสู่การเรียนการสอนแบบออนไลน์ตั้งแต่วันจันทร์ (16 พ.ย.) เป็นต้นไป
เวลานี้ สหรัฐฯ ชาติที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 หนักหน่วงที่สุดในโลก โดยจากข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อล่าสุดอยู่ที่กว่า 10.8 ล้านคน ในนั้นเสียชีวิต 245,000 คน
แม้ถูกโควิด-19 ระลอก 2 เล่นงานหนักขึ้น แต่ในหลายเมืองของเยอรมนี พบเห็นการประท้วงต่อต้านการบังคับใช้มาตรการสวมหน้ากากป้องกันการแพร่ระบาด ในนั้นรวมถึงที่เมืองแฟรงค์เฟิร์ต ที่ทางตำรวจต้องใช้การฉีดน้ำเข้าสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงเกือบๆ 1,000 คน
ส่วนที่เมืองนีซ ของฝรั่งเศส มีประชาชนราว 1,500 คน รวมตัวประท้วงบนท้องถนน เรียกร้องขอให้กำหนดข้อจำกัดต่างๆ อย่างสมเหตุสมผลในการต่อสู้กับโรคระบาดใหญ่ นอกจากนี้แล้ว ยังพบเห็นการประท้วงที่มีผู้เข้าร่วมหลายร้อยคนในโปรตุเกส ต่อต้านประกาศเคอร์ฟิว ซึ่งบังคับใช้เป็นเวลา 7 วัน ในทุกๆ 10 วัน ในประเทศที่มีประชากร 10 ล้านคนแห่งนี้
(ที่มา: เอเอฟพี)